ชุดปฏิบัติการสืบสวนศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น นำหมายศาลเข้าจับกุมสองสามีภรรยาหนีหมายจับมาเป็นช่างรับเหมาก่อสร้าง หลังก่อเหตุหลอกลวงขายบอนสีและไม้ประดับให้ลูกค้าทางออนไลน์ เมื่อลูกค้าโอนเงินแต่กลับไม่ส่งของให้ มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการสืบสวน ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น (ศปอส.ภ.จว.ขอนแก่น) โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น นำหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.120/2565 และ หมายจับของศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ จ.55/2565 ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนฯ
เข้าจับกุมตัว นายนิธิศ หรือ เด่น ทรงประโคน อายุ 28 ปี จ.อุดรธานี ขณะกำลังทำงานรับเหมาก่อสร้างบ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ภายในพื้นที่บ้านหนองกุง ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น หลังร่วมกันกับนางสาวทิพวรรณ หรือ ป๋อม วังพระ อายุ 19 ปี ภรรยา หลอกลวงขายต้นไม้ บอนสี และไม้ประดับทางเฟซบุ๊ก แต่เมื่อลูกค้าโอนเงินให้ ผู้ต้องหากลับไม่ส่งสินค้าให้กับผู้โอนเงินสั่งซื้อ
โดยในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายศาลเข้าจับกุม นางสาวทิพวรรณ หนึ่งในผู้ต้องหา ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปข้างนอกไซต์งาน และเมื่อทราบว่า ตนเองจะถูกจับกุมจึงหลบหนีกลับไปที่บ้านมารดา ในพื้นที่ ต.ป่าหวายนั่ง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวมาได้ ก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มาสอบสวน ที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น
พ.ต.อ.ณัฏฐ์ โหม่งพุฒ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ได้รับแจ้งเหตุอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ผ่านระบบบริหารจัดการคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นระบบรับแจ้งเหตุอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลกันของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยการจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ ทาง ศปอส.ภ.จว.ขอนแก่น ได้รับเคสให้ทำการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี เนื่องจากมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อจำนวนมากทั่วประเทศ และมีมูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท ชุดสืบสวนฯ จึงได้ทำการตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง กระทั่งพบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จึงได้ขออำนาจศาลจังหวัดขอนแก่นออกหมายจับ และสามารถติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ทั้ง 2 คน
สำหรับพฤติกรรมในการก่อเหตุของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้ ได้มีการเปิดเฟซบุ๊กโดยใช้ชื่อว่า “Areya Poldong” เพื่อโฆษณาขายต้นไม้ บอนขาว บอนสี และไม้ประดับหลากหลายชนิด เมื่อมีลูกค้าสนใจก็จะตกลงซื้อขายกัน โดยให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของตนเอง และ บัญชีธนาคารของนายนิธิศ สามี แต่เมื่อลูกค้าโอนเงินให้แล้ว ผู้ต้องหากลับไม่ส่งสินค้าให้ลูกค้าตามที่ตกลงซื้อขาย และทำการบล็อคลูกค้า
โดยมีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก และมีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีในหลายท้องที่ทั่วประเทศ เมื่อเจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบแหล่งที่อยู่ของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จึงนำหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น และหมายจับของศาลจังหวัดพิษณุโลก เข้าทำการจับกุม ซึ่งจากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และยอมรับว่า ทำแบบนี้มานานกว่า 1 ปี แล้ว มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 1 ล้านบาท
ซึ่งหากประชาชนท่านใดที่ตกเป็นเหยื่อของผู้ต้องหารายนี้ สามารถเข้าแจ้งความเพิ่มเติมได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือ สามารถแจ้งความผ่านทางออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรับผิดชอบในเรื่องอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะ
เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา นางสาวทิพวรรณ ในข้อหาฉ้อโกงและทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ส่วนนายนิธิศ ถูกแจ้งข้อหา ฉ้อโกงประชาชน, ผู้ใดกระทำความผิดโดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยจะนำตัวนางสาวทิพวรรณ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ดำเนินคดี และนายนิธิศ ส่งดำเนินคดีที่ สภ.วังน้ำคู้ จ.พิษณุโลก ตามขั้นตอนของกฎหมาย ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เร่งล่าตัว ผู้ต้องหาคดียาเสพติด อ้างขอไปกินข้าวกับลูก เพื่อนพาหนีระหว่างนำตัวส่งอัยการ
- สภาหมื่นล้านอ่วม ฝนเทกระหน่ำ น้ำรั่วไหลนองเต็มทางเดิน โซฟาหน้าห้องกมธ.เปียกแฉะ
- สมเกียรติ ตั้งเป้า 2 ปีแรกปรับตัวลุยโมโตจีพี หวังสลัดเดี้ยงสู้ศึกโฮมเรซปีนี้
- นายกฯอันวาร์ เชิญ แพทองธาร เยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ เสริมสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิด