เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ผกก.ตม.จว.พระนครศรีอยุธยา ในฐานะรอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงรายละเอียดความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ4อำเภอใน จ.สงขลา เมื่อคืนวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดเหตุการณ์ทั้งสิ้น 12 เหตุการณ์ มีจำนวนผู้เสียชีวิต 3 ราย และมีจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย โดยมีรายละเอียดความเสียหาย ดังนี้
“พื้นที่ จ.ปัตตานี เกิดเหตุการณ์ 7 เหตุการณ์ มีจำนวนผู้เสียชีวิต 1 ราย และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย เหตุยิงก่อกวนริมถนน ในพื้นที่ สภ.สายบุรี วางระเบิดเสาไฟฟ้า ในพื้นที่ สภ.สายบุรี เหตุยิงพลทหาร หน้า สำนักงานทหารผ่านศึก ในพื้นที่ สภ.เมืองปัตตานี จากเหตุการณ์นี้มี ผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุวางเพลิงและวางระเบิดร้านสะดวกซื้อในปั้มน้ำมัน ปตท. ในพื้นที่ สภ.หนองจิก จากเหตุการณ์นี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 1 นาย เหตุเผายางรถยนต์ก่อกวนและใช้อาวุธปืนยิงใส่จุดตรวจเจ้าหน้าที่ทหารพราน ในพื้นที่ สภ.ยะหริ่ง ยิงใส่จุดตรวจเจ้าหน้าที่ทหารพราน ในพื้นที่ สภ.ยะหริ่ง เหตุจุดชนวนระเบิดเสาไฟฟ้า เสียหาย จำนวน 2 ต้น ในพื้นที่ สภ.ยะหริ่ง พื้นที่ จ.นราธิวาส เกิดเหตุการณ์ 3 เหตุการณ์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเพลิงไหม้รถเก๋ง ในพื้นที่ สภ.สุไหงโกลก เหตุยิงชาวบ้านในสวนยาง ในพื้นที่ สภ.รือเสาะ จากเหตุการณ์นี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน เหตุระเบิดบริเวณเสาไฟฟ้า ในพื้นที่ สภ.ปะลุกาสาเมาะ พื้นที่ จ.สงขลา เกิดเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ มีจำนวนผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เหตุยิง รปภ.และเผาศูนย์บริการรถยนต์อีซูซุ ในพื้นที่ สภ.จะนะ ซึ่งจากเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย เหตุวางระเบิดหน้าตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ สภ.เทพา มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย” รองโฆษกตร.เปิดเผย
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวด้วยว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอใน จ.สงขลา เพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงาน ทหาร ฝ่ายปกครอง และภาคเอกชน เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทั้ง 3 มิติ ทั้งด้านการป้องกัน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดทำการสืบสวนหาข่าว แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารจากบุคคลในพื้นที่ เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา ด้านการปราบปราม ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกดดัน จับกุมผู้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ เร่งรัดการจับกุมตามหมายจับค้างเก่า ด้านการประชาสัมพันธ์ ให้เชิญชวนพี่น้องประชาชน มีส่วนในการเข้าร่วมกับทางตำรวจ ในการให้ข้อมูลหรือข้อเสนอแนะในการปฏิบัติหน้าที่ และหากพบบุคคลต้องสงสัยที่อาจจะก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ ก็สามารถให้ความร่วมมือกับทางการได้ ส่วนจะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการหาข่าวหรือไม่นั้น ก็ต้องปรับไปตามบริบทที่เกิดขึ้น และมองว่าเมื่อได้โอกาศกลุ่มคนร้าย จะชิงลงมือตลอดเวลา และส่วนใหญ่จะมุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงกับการตั้ง ครม.ส่วนหน้า เพื่อแก้ปัญหาไฟใต้หรือไม่นั้น รองโฆษกตร.กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งทาง ผบ.ตร.ย้ำตลอดว่าเจ้าหน้าที่มีการป้องกันตลอด โดยสถิติการก่อเหตุในปีงบประมาณ2558ที่ผ่านมา ลดลงไปกว่าร้อยละ 20 โดยเฉพาะเดือนตุลาคม ลดลงไปกว่าร้อยละ 30 หากเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
