ปลัดทต.งิม ทดลองปลูกเผือกหอม แทนข้าวโพดที่ราคาตกต่ำ ช่วยเกษตรกรทำรายได้งาม

 

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 นายบูรณาการ ตาคำ หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลตำบล(ทต.) งิม อ.ปง จ.พะเยา กล่าวว่า เนื่องจากตนได้จัดทำศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ในบ้านสวนเกษตรผสมผสานแบบบูรณาการ มาตั้งแต่ปี 2548 ภายในพื้นที่ 2-3 ไร่ มีทั้งทำนาข้าว ปลูกพืชผักสวนครัว สระเลี้ยงปลา และขณะนี้ได้แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งประมาณ 1 ไร่ ทดลองปลูกเผือกหอมหัวใหญ่ ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ของ อ.ปง ประสบปัญหาเรื่องราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำซ้ำซากทุกปี โดยเฉพาะการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทั้งเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยา ซื้อจากนายทุน แต่ท้ายที่สุดเมื่อให้ผลผลิตแล้วนายทุนไม่รับซื้ออ้างเหตุผลต่างๆ นานา กดราคาให้ข้าวโพดตกต่ำ ปีนี้เกษตรกรแจ้งว่า กก.ละ 3 บาท ถูกมากต่ำกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งห่อ ดังนั้นการทดลองปลูกเผือกหอมที่เริ่มต้นขึ้นได้นาน 3-4 เดือน แล้วรออีกสักระยะให้หัวใหญ่มีน้ำหนักประมาณหัวละ 1 กก. ก็จะเก็บเกี่ยว คาดว่ากลางฤดูหนาวนี้ในชุดแรกที่ปลูกจะเก็บได้

“ตนติดตามข้อมูลทางการตลาดของเผือกหอม ราคาที่ตลาดไทยหรือตลาดอื่นๆ ในกรุงเทพฯ กก.ละ 50-60 บาท ตลาดต่างจังหวัด กก.ละ 20-30 บาท ซึ่งแม้ว่าจะมีราคาต่ำสุดในตลาดต่างจังหวัด เผือกหอมก็ถือว่ามีราคาแพงกว่าข้าวโพดเกือบ 10 เท่าตัว หากดูแลดีได้น้ำหนักหัวละ 1 กก. เฉลี่ยต่อไร่จะมีรายได้ประมาณ 100,000 บาท” นายบูราการ กล่าว

ด้านนางกัญญาณัฐ ศรีใจ รองนายก ทต.งิม กล่าวว่า ตอนนี้มีเกษตรกรและผู้นำหลายรายที่หันมาให้ความสนใจการปลูกเผือกหอม เพราะการดูแลไม่ยุ่งยาก สามารถปลูกและดูแลตามวิถีพื้นบ้านโดยไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง บางรายใช้แกลบดำ หรือ ขี้ด่าง ปุ๋ยคอกลงผสมในแปลงปลูกก็ทำให้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ ปลูกในนาข้าวได้ ซึ่งเกษตรกรปลูกเป็นพืชทางเลือก ไม่ต้องมากเพียงรายละ 1-2 ไร่ ก็เพียงพอให้สร้างรายได้อีกทางหนึ่ง

Advertisement

ด้านนายจรัล กาญจนปัญญานนท์ นายอำเภอปง จ.พะเยา กล่าวว่า การปลูกเผือกหอมที่ได้มีการนิยมปลูกกันในขณะนี้ของเกษตรกร อ.ปง ถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่งของการปลูกพืชเศรษฐกิจ นอกจากจะขายสดเป็นหัวแล้ว ยังสามารถนำมาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มได้ด้วย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image