ดับแล้ว 2 แผ่นปูนหนัก 5 ตัน สะพานกลับรถพระราม 2 ร่วง ทับรถเสียหายหลายคัน

ดับแล้ว 2 แผ่นปูนหนัก 5 ตันสะพานกลับรถพระราม 2 ร่วง ทับรถเสียหายหลายคัน

เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันที่ 31 กรกฎาคม ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครได้รับแจ้งเกิดเหตุสะพานกลับรถหน้าโรงพยาบาลวิภาราม กม.ที่ 34 ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ที่อยู่ระหว่างการปิดซ่อมบำรุง พังถล่มลงมาทับรถยนต์ที่สัญจรอยู่บนถนนพระราม 2 ช่องทางด่วน ขาเข้ากรุงเทพฯ มีรถยนต์ได้รับความเสียหายหลายคัน อีกทั้งยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย จึงรีบรายงานให้ พ.ต.อ.ยงลิต ศุภผล ผกก.ฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร ทราบพร้อมกับประสาน พ.ต.ท.ภานุพงศ์ ภาวะบุตร สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ

จุดที่เกิดเหตุเป็นบริเวณใต้สะพาน (เกือกม้า) กลับรถพอดี พบรถเก๋ง ยี่ห้อเชฟโรเลต ทะเบียน ชธ 6271 กรุงเทพมหานคร ถูกแผ่นปูนความยาวกว่า 10 เมตร น้ำหนักราวๆ 5 ตัน หล่นลงมาทับไว้ทั้งคันจนรถขาดท่อน ทำให้คนนั่งข้างฝั่งซ้ายเสียชีวิตติดอยู่ภายใน (ยังไม่ทราบชื่อ) ส่วนคนขับรถเก๋งได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยังมีรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ ทะเบียน 3ฒธ 5940 กรุงเทพมหานคร ด้านหน้ารถถูกแผ่นปูนทับไว้ โชคดีที่คนขับและผู้โดยสารมาในรถปลอดภัยทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมีคนงานที่กำลังทำงานซ่อมแซมอยู่บนสะพานกลับรถ ซึ่งตกลงมาพร้อมกับแผ่นปูน ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 คน แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร 1 คน พร้อมกันนั้นยังมีรถที่ได้รับความเสียหายอีก 1 คัน เป็นรถบรรทุกน้ำมันดีเซลที่ไปลงน้ำมันให้กับลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็สร้างความสะเทือนขวัญให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังส่งผลทำให้การจราจรติดขัดเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร ส่วนรถเก๋งที่ถูกแผ่นปูนทับไว้นั้น หลังจากที่ได้ใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนานเกือบ 1 ชั่วโมง เพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากซากรถได้แล้ว ก็ต้องประสานรถเครนให้มายกแผ่นปูนออก

Advertisement

จากการสอบถาม น.ส.ทิพานันท์ ศรีรางวัล อายุ 30 ปี ชาว ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งนั่งอยู่ในรถกระบะคันที่ถูกแผ่นปูนหล่นลงมาทับหน้ารถ เล่าว่า ตอนนั้นตนเองพร้อมกับครอบครัวซึ่งมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวม 5 คน กำลังขับรถกลับบ้านหลังจากไปขายของเล่นที่วัดจุฬามณี จังหวัดสมุทรสงคราม โดยตลอดทางที่ขับกลับมานั้นมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และรถก็ขับแบบช้าๆ ชะลอตัว กระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุ จู่ๆ ก็มีแผ่นปูนหล่นลงมาใส่รถเก๋งกับรถของตน โชคดีที่รถตนนั้นถูกเพียงแค่ด้านหน้ารถ และคนในรถปลอดภัยทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์นี้สร้างความหวาดกลัวให้กับทุกคนในรถเป็นอย่างมาก ไม่เคยคาดคิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้

Advertisement

ส่วนทางด้านของนายสุวรรณ ทวีผล อายุ 60 ปี อดีต ผอ.ร.ร.เบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี ที่ขับรถตามหลังมาก็เล่าถึงนาทีระทึกว่า ตนเองขับรถกลับจากไปงานกีฬาเยาวชนแห่งชาติที่จังหวัดพัทลุง มาด้วยกันทั้งหมด 5 คน ซึ่งตนนั้นต้องเรียกได้ว่าเฉียดตายเพราะอยู่ห่างจากรถที่เกิดเหตุเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยพอเกิดเหตุตนเองและคนอื่นๆ ก็ลงไปช่วยกันพาคนขับรถเก๋งออกมา ส่วนคนนั่งข้างเสียชีวิตไม่สามารถนำออกมาได้

ขณะที่คนขับรถบรรทุกน้ำมันเล่าว่า ตนเองขับรถมาตามถนนพระราม 2 ซึ่งช่วงที่ลอดใต้สะพานกลับรถก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เห็นมีแต่คนทำงานซ่อมแซมสะพานอยู่ด้านบนเท่านั้น แต่พอคล้อยหลังนิดเดียวรู้สึกเหมือนว่าด้านหลังรถโดนวัตถุบางอย่างกระแทกอย่างแรงจนสะเทือนไปทั้งคัน อีกทั้งยังได้ยินเสียงดังโครม จึงจอดรถแล้วหันกลับไปมองก็เห็นรถเก๋งที่ขับตามหลังมาถูกแผ่นปูนหล่นมาทับใส่ทั้งคัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า หลังเกิดเหตุ นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่มาติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับสั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งหาสาเหตุและรายงานให้ทราบต่อไป ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งหมดนั้นจะได้เข้าเยี่ยมต่อไป

สำหรับสะพานกลับรถ ถ.พระราม 2 กม.34 หน้า รพ.วิภาราม นี้ได้เริ่มปิดทำการซ่อมบำรุงตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 โดยเหตุที่ต้องทำการปิดซ่อมบำรุงเนื่องจากสะพานกลับรถแห่งนี้มีอายุการใช้งานมานาน และเคยเกิดไฟไหม้ขึ้นบนสะพานเนื่องจากรถบรรทุกน้ำมันระเบิด อีกทั้งยังมีปริมาณรถบรรทุกขนาดใหญ่ใช้สะพานกลับรถเป็นจำนวนมาก ทำให้โครงสร้างส่วนบน (พื้นสะพาน) ชำรุดเสียหาย จนเหล็กเส้นโผล่

ทั้งนี้ กรมทางหลวง โดยศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) จึงได้เข้ามาดำเนินการซ่อมแซมและบูรณะโครงสร้างสะพานที่ชำรุดเสียหาย ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ เพื่ออำนวยความสะดวกปลอดภัยให้กับผู้ใช้เส้นทาง โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2565 นี้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image