ชิงเก้าอี้ ‘นายกเทศมนตรีนครสงขลา’ คึกคัก อดีตแชมป์เก่า ยอมรับเป็นรอง อดีต ส.ส.พปชร.

สงขลา – ชิงเก้าอี้ ‘นายกเทศมนตรีนครสงขลา’ คึกคัก อดีตนายกเทศมนตรีนครสงขลาเชื่อผลงานที่ผ่านมาตัดสิน รับคอการเมืองมองเป็นรอง ในขณะที่ อดีต ส.ส.เชื่อมั่นเสียงตอบรับดี

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่จังหวัดสงขลา ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศในการหาเสียงในพื้นที่เทศบาลนครสงขลา มีสีสันมากยิ่งขึ้น หลังการรับสมัครปิดชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครสงขลา โดย นายสมศักดิ์ ตันติเศรณี ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครสงขลา หมายเลข 2 เผยว่า เป็นอดีตนายกเทศมนตรีนครสงขลามาแล้ว 2 สมัย มีผลงานในการพัฒนาที่ชัดเจน ทั้งในเรื่องของการพัฒนาเมือง สิ่งสาธารณูปโภค เรื่องของสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะโครงการนำสายไฟฟ้าลงดินย่านเมืองเก่าสงขลา การขอหัวรถจักรจากการรถไฟแห่งประเทศไทย มาจัดแสดงที่ชุมชนตลาดรถไฟเพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ ซึ่งผลงานจะเป็นตัวชี้วัด และเป็นจุดขายสำคัญในการนำเสนอต่อประชาชนชาวนครสงขลา ซึ่งได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนในทุกชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะหมดวาระและแพ้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

ส่วนการมองว่า การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันระหว่างการเมืองระดับชาติอย่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคพลังประชารัฐ โดยมีผู้วิเคราะห์ว่าสนิทกับรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า อยากให้แยกแยะระหว่างการเมืองระดับชาติกับการเมืองท้องถิ่นที่บริบทแตกต่างกัน ดังนั้น แม้ว่าคู่แข่งซึ่งเป็นอดีต ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ ผันตัวมาลงสนามการเมืองท้องถิ่น ก็ไม่ได้มีความกังวลหรือหนักใจอะไร เพราะผลงานที่ผ่านมานั้นชัดเจนอยู่แล้ว รวมถึงการมองว่า ขณะนี้ตนเองยังเป็นรองอยู่ ก็ไม่มีความกังวลและเดินหน้าพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่แบบเคาะประตูบ้านทุกหลัง

ขณะที่ นายวันชัย ปริญญาศิริ อดีต ส.ส.เขต 1 สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครสงขลา หมายเลข 3 เผยว่า เคยเป็น ส.ส.เขต 1 ซึ่งมีเทศบาลนครสงขลารวมอยู่ในเขตพื้นที่ด้วย จึงได้รับทราบปัญหาจากประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง และต้องการที่จะให้สามารถแก้ปัญหา ขับเคลื่อนให้ได้อย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม ประกอบกับมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเห็นว่า ตนเองจะสามารถเข้ามาช่วยเหลือ แก้ปัญหาให้กับชาวนครสงขลาได้ จึงลงสมัคร พร้อมชูนโยบายในการพัฒนาเมือง ทั้งด้านการท่องเที่ยว สิ่งสาธารณูปโภค เน้นการทำงานอย่างสร้างสรรค์ ลงพื้นที่พบปะประชาชนในเขตเทศบาลนครสงขลา ซึ่งทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงที่เป็น ส.ส. ส่วนที่มีการประเมินว่า ขณะนี้เป็นต่อคู่แข่งอยู่นั้น ก็ยังต้องเดินหน้าหาเสียงกันต่อไป

Advertisement

ส่วนกรณีที่ถูกมองว่า สนามเลือกตั้งนี้เป็นสนามเลือกตั้งที่กระทบถึงการเมืองระดับชาติ อย่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐนั้น ส่วนตัวมองว่า เมื่อลาออกมาลงการเมืองท้องถิ่นแล้ว และไม่ได้ลงในนามพรรค จึงถือเป็นการแข่งขันระหว่างทีมการเมืองท้องถิ่น ส่วนในอนาคต หากมีการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ว่าคนของพรรคใดจะได้รับการเลือกตั้ง ก็สามารถที่ประสานการทำงานได้กับทุกพรรคการเมือง เพื่อให้เกิดการพัฒนาของนครสงขลาอย่างดีที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image