ชาวบ้านรวมตัวร้องสื่อพร้อมแจ้งความหลังถูกสาวแสบญาติสนิทหลอกอมเงินเบี้ยประกันชีวิต ด้านพ่อ-แม่ผู้ก่อเหตุยืดอกขอชดใช้แทนลูก
เมื่อวันที่ 20 มกราคม ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง บ้านหนองเลา ม.8 ต.ภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา หลังมีชาวบ้านจำนวนมากร้องเรียนเข้ามาในเรื่องของถูกสาวรายหนึ่งหลอกเก็บเงินเบี้ยประกันชีวิตแต่ไม่ยอมส่งสำนักงานใหญ่จนเป็นเหตุให้ไม่สามารถเคลมในเรื่องการรักษาพยาบาลได้
ทั้งนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างไม่พอใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้รวมตัวเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ภูซางเพื่อเอาผิดต่อ น.ส.นารีนาท อำมาตย์ใหญ่ พนักงานบริษัทกรุงเทพประกันชีวิต สาขาเชียงคำ ซึ่งได้มีการหลอกเก็บเงินเบี้ยประกันแต่ไม่ยอมส่งให้ทางสำนักงานใหญ่จนกรมธรรม์ประกันชีวิตหลายรายขาดการคุ้มครอง
นางสงวน ศรีจันทร์ ชาวบ้านหนองเลา 1 ในผู้เสียหาย ได้เล่าว่า ในเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นตนเองรู้ข่าวจากหลานสาวที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ ซึ่งตัวของหลานสาวตนเองมีหน้าที่จ่ายเงินค่าเบี้ยประกันมาตลอดจนล่าสุดได้โทรศัพท์สอบถามเพื่อขอใบเสร็จจะนำไปลดหย่อนภาษี แต่ปรากฏว่าตัวของผู้ก่อเหตุได้พูดบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา
จนหลานสาวตัวเองเกิดความสงสัยจึงได้โทรศัพท์สอบถามไปยังสำนักงานใหญ่และรู้ความจริงว่าตัวผู้ก่อเหตุไม่ได้นำเงินส่งให้ทางต้นสังกัดในระยะเวลา 3 ปีแล้ว จนทางพรรคพวกของหลานสาวได้โทรศัพท์สอบถามกันในเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเจอกับความจริงของเรื่องนี้
ทั้งนี้ตนได้ทำประกันชีวิตเพื่อหวังว่าหากตนได้สิ้นลมไปแล้วก็จะมีเงินให้กับลูกหลานของตัวเอง โดยการส่งเบี้ยประกันนั้นตนส่งปีละ 2 ครั้งรวมเป็นเงิน 5,300 บาท ซึ่งในเดือน มี.ค.66 นี้จะครบงวดที่ 6 ด้วย พอมาเจอกับเหตุการณ์นี้ตนรู้สึกเสียใจมาก เพราะผู้ก่อเหตุเป็นญาติภายในหมู่บ้านซึ่งทั้งตนและชาวบ้านที่เสียหายต่างไว้ใจทำด้วยเพราะคิดว่าหากทำกับตัวแทนบ้านอื่นกลัวจะถูกโกงได้ แต่สุดท้ายไม่คิดว่าคนที่คุ้นเคยกันภายในหมู่บ้านจะมาทำกันเองได้
ด้าน นางสุวรรณา เวณุจันทร์ ผู้เสียหายอีกรายได้เล่าว่า ตนเองก็โดนหลอกเก็บเงินเบี้ยประกันเหมือนกันซึ่งทำกับผู้ก่อเหตุไว้จำนวน 3 กรมธรรม์ โดยเป็นเงินประมาณ 7 พันกว่าบาทต่อปีและทำมาตั้งแต่ปี 53 แล้ว ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในหมู่บ้านี้พอตนทราบเรื่องก็เริ่มรู้สึกไม่ดีจึงได้โทรศัพท์ไปยังบริษัทกรุงเทพประกันภัยสำนกงานใหญ่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยเช็กเบี้ยประกันและการคุ้มครองจนมาทราบว่าข้อมูลของตนขาดส่งเบี้ยมาในระยะเวลา 2 ปี ทำให้ตนรู้สึกเสียใจไม่น้อย ทั้งนี้ตนได้โทรศัพท์ไปหาผู้ก่อเหตุซึ่งก็ไม่รับโทรศัพท์และไม่ยอมอ่านข้อความไลน์ด้วย จนตนทนไม่ไหวจึงได้พาผู้เสียหายอีก 6 รายเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ภูซางเพื่อดำเนินคดีกับสามีผู้ก่อเหตุในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ด้วยเช่นกัน
ด้าน นายสนิท ย๊ะมงคล ผู้ใหญ่บ้านหนองเลา ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ตนทราบแล้วว่ามีชาวบ้านเบื้องต้นจำนวน 37 ราย ถูกโกงเงินค่าเบี้ยประกันภัยจากผู้ก่อเหตุโดนไม่ยอมส่งเงินให้กับทางสำนักงานใหญ่ ทั้งนี้ตนได้ประชาสัมพันธ์ให้กับชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายนี้มาลงชื่อพร้อมทั้งแจ้งรายละเอียดกับตน ซึ่งในช่วงบ่ายทางปลัดอำเภอประจำศูนย์ดำรงธรรมอำเภอภูซางได้เดินทางมาที่หอประชุมเพื่อรับเรื่องร้องเรียนที่เกิดขึ้นนี้ซึ่งพบว่าผู้เสียหายทั้งหมดที่มาร่วมลงชื่อนั้นมีด้วยกัน 126 ราย มูลค่าความเสียหาย 1.6 ล้านบาท
ล่าสุดทาง ว่าที่ รท.นราธิพงษ์ พิลาภ ปลัดอำเภอประจำศูนย์ดำรงธรรมอำเภอภูซาง ได้เดินทางมารับเรื่องราวที่เกิดขึ้นและได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทางนายอำเภอภูซางได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วจึงได้สั่งการให้ตนดูแลในเรื่องนี้ ซึ่งจากการประชุมร่วมกับชาวบ้านผู้เสียหายนั้นมีด้วยกันทั้งหมด 126 ราย โดยเป็นชาวบ้านในพื้นที่บ้านหนองเลา ม.8 และบ้านธาตุภูซาง ม.10 ทั้งนี้ยังมีพ่อและแม่ผู้ก่อเหตุเดินทางมาร่วมรับฟังในเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งเอ่ยปากจะยอมชดใช้เงินที่ชาวบ้านถูกหลอกไปจำนวน 1.6 ล้านบาทนี้ให้เอง
ส่วนทางอำเภอได้ยื่นข้อเสนอให้ทางพ่อและแม่ของ น.ส.นารีนาทนี้ทราบว่าให้ทำการไกล่เกลี่ยชดใช้ภายในระยะเวลา 1 เดือนนับจากวันนี้ หากพ้น 1 เดือนยังไม่มีการชดใช้ก็คงจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ตนยังได้เชิญผู้เสียหายจำนวน 1 รายที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งซึ่งได้ทำประกันชีวิตด้านโรคมะเร็ง “เจอ จ่าย จบ” ซึ่งทุนประกันอยู่ที่ 1 ล้านบาท โดยทราบว่าผู้เสียหายรายนี้ได้ยื่นมือช่วยเหลือญาติพี่น้องในพื้นที่ที่จะนำที่ดินมาขายในราคา 4 แสนบาท เพื่อที่จะนำเงินส่วนนี้ไปปลดหนี้ด้วย
ทั้งนี้ทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สำนักงานบริษัทกรุงเทพประกันชีวิต สาขาเชียงคำ เพื่อที่จะสอบถามในเรื่องที่เกิดขึ้น โดยพนักงานได้ให้ข้อมูลว่าทางบริษัทยินดีที่จะช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเต็มที่ ซึ่งหากคนใดที่ขาดการคุ้มครองเพราะถูกโกงเงินค่าเบี้ยประกันสามารถมาติดต่อสอบถามเพื่อที่จะยื่นการคุ้มครองต่อ หรือจะยกเลิกประกันชีวิตก็ได้
ทั้งนี้ชาวบ้านที่เดือดร้อนในเรื่องนี้ได้เข้ามาติดต่อกันเยอะมากและส่วนใหญ่ยังยินยอมที่จะทำประกันชีวิตกันต่อไปนอกจากนี้ที่มาส่วนใหญ่ต่างพอใจในการตรวจสอบข้อมูลและการให้บริการของส่วนหน้าเคาน์เตอร์ที่รับเรื่อง แต่ส่วนตัวของผู้ก่อเหตุนั้นยังไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน