‘ภูเก็ต’ ฮอตไม่เลิก ต่างชาติแห่ลงทุน ช้อปอสังหา โรงแรม ‘จีน-รัสเซีย’ รุกหนัก ‘ซาอุ’เริ่มคึก

‘ภูเก็ต’ ฮอตไม่เลิก ต่างชาติแห่ลงทุน ช้อปอสังหา โรงแรม ‘จีน-รัสเซีย’ รุกหนัก ‘ซาอุ’เริ่มคึก

เมื่อวันที่ 17 เมษายน นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ปัจจุบันภูเก็ตมีกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนคอนโดมิเนียมและพูลวิลล่าอย่างต่อเนื่อง โดยลงทุนในรูปแบบตั้งบริษัทร่วมกับคนไทย เพราะกฎหมายยังไม่เปิดช่องให้ต่างชาติลงทุนได้ 100% และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนจีนกับรัสเซีย โดยเฉพาะรัสเซียที่เข้ามามากขึ้น หลังเกิดสงคราม ขณะที่กลุ่มทุนยุโรป ตะวันออกกลาง รวมถึงซาอุดีอาระเบียที่มีเข้ามาลงทุนบ้าง แต่ไม่มากเท่ากับจีนกับรัสเซีย

“กลุ่มซาอุดีอาระเบียที่เข้ามาลงทุนยังไม่มาก โดยลงทุนพูลวิลล่า โรงแรม ส่วนใหญ่จะชวนนักธุรกิจภูเก็ตไปลงทุนธุรกิจที่ประเทศเขามากกว่า เช่น ธุรกิจส่งออก ธุรกิจอสังหาฯ เพราะซาอุดีอาระเบียเพิ่งเปิดประเทศ”นายพัทธนันท์กล่าว

นายพัทธนันท์กล่าวว่า สำหรับคนจีนกับรัสเซียที่เข้ามานอกจากลงทุนแล้ว ยังมีซื้อคอนโดมิเนียมและพูลวิลล่า เป็นบ้านหลังที่สองเพื่ออยู่อาศัย ซึ่งปลายปี 2565 คึกคักมาก โดยเฉพาะรัสเซียที่หนีสงครามมาซื้อกันมาก จนพูลวิลล่าสร้างไม่พอขาย แต่ตอนนี้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่มีนาคมที่ผ่านมา หลังมีเปิดโครงการขายกันจำนวนมาก ในหลายทำเลและแข่งขันลดราคากันมาก ทำให้มีการเลือกและตัดสินใจซื้อนานมากกว่าก่อนหน้านี้ ส่วนการเหมาซื้อพูลวิลล่าราคา 50-60 ล้านบาท ยังมีอยู่บ้าง แต่ไม่มากเท่าในช่วงที่ผ่านมา

Advertisement

“ส่วนจีนเริ่มกลับมาแล้วทั้งกำลังการซื้อและการลงทุนที่เข้าดูโครงการคอนโดและพูลวิล่า ซึ่งตอนนี้ผู้ประกอบการคอนโดในภูเก็ต รอลุ้นยอดโอนจากจีนที่ซื้อไว้ก่อนโควิด 4,000-5,000 หน่วย ราคาเฉลี่ย 2-3 ล้านบาทต่อยูนิต คิดเป็นมูลค่า 12,000-15,000 ล้านบาท เพราะจีนยังติดปัญหาการจำกัดนำเงินออกนอกประเทศ ส่วนสัญชาติอื่นที่มาซื้อคอนโดมีเยอรมัน ออสเตรเลีย อินเดีย แต่ซื้อไม่มากเท่าจีนกับรัสเซีย”นายพัทธนันท์กล่าว

นายพัทธนันท์กล่าวว่า ส่วนความเคลื่อนไหวของธุรกิจโรงแรมในภูเก็ต ยังมีต่างชาติเข้ามาซื้อตลอด ทั้งจีน ยุโรป อเมริกา ทั้งในนามบริษัทและกองทุนต่างชาติ แต่ปัจจุบันอาจจะซื้อในราคาต่ำ ไม่ได้เหมือนช่วงโควิด เนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ทำให้อัตราเข้าพักและอัตราค่าห้องพักโรงแรมสูงขึ้นมาก ทำให้เจ้าของโรงแรมเปลี่ยนใจกลับมาดำเนินธุรกิจต่อ

“จากการที่มีต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัยในภูเก็ตจำนวนมาก ทำให้โรงเรียนนานาชาติบูมมากขณะนี้ เพราะทั้งคนรัสเซียและจีน สนใจส่งลูกมาเรียนหนังสือกันเยอะ”นายพัทธนันท์กล่าว

นายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตได้รับความสนใจชาวรัสเซียมาก ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวและกลุ่มนักลงทุนที่มองหาโอกาสทำธุรกิจ โดยกว้านซื้อคอนโดมิเนียมอยู่อาศัยและซื้อที่ดินร่วมลงทุนกับคนไทยพัฒนาโครงการพูลวิลล่าขาย เริ่มมีมากขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2566 มีนักลงทุน 3-4 กลุ่มให้บริษัทดำเนินการ มูลค่าลงทุนร่วม 1,000-2,000 ล้านบาทหรือเฉลี่ย 300-400 ล้านบาทต่อกลุ่มทุน

“แต่ละโครงการมีพื้นที่ 20-30 ไร่ ระดับราคา 17-35 ล้านบาท ส่วนใหญ่เข้าไปลงทุนในโซนท่องเที่ยว เช่น หาดกะตะ หาดกะรน หาดป่าตอง หาดกมลา หาดบางเทา ลากูนา”นายณัฏฐากล่าว

นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ต่างชาติที่เข้ามาลงทุนอสังหาในพัทยาและระยอง ช่วงก่อนโควิดเป็นกลุ่มยุโรป รัสเซีย รวมถึงจีน ตอนนี้ยังไม่ค่อยเห็น ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจด้านบริการ สถานบันเทิงและท่องเที่ยวมากกว่า

“กลุ่มทุนจีนที่เข้ามาลงทุนทำคอนโดในพัทยา ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ มีสร้างค้างไว้หลายโครงการ มีประสบความสำเร็จจะเป็นที่เชียงใหม่ เพราะเป็นจังหวัดที่คนจีนนิยมท่องเที่ยวและอยู่อาศัย ซึ่งไม่ได้มีแค่จีน เท่าที่ทราบยังมีกลุ่มไทใหญ่ร่วมกับคนไทย ซื้อที่ดินเชียงใหม่ 30-40 ไร่ เพื่อตัดแบ่งขายให้กับคนไทใหญ่ด้วยกัน โดยขายราคา 4,000-7,000 บาทต่อตารางวา เพื่อสร้างบ้านอยู่อาศัย ซึ่งการแบ่งแยกที่ดินไม่เกิน 9 แปลง ไม่ต้องขออนุญาตจัดสรร ทำให้เกิดการพัฒนารูปแบบนี้มากขึ้น ไม่ใช่แค่เชียงใหม่ ยังมีที่ภูเก็ตที่ทำพูลวิลล่าขาย ส่วนใหญ่จะไม่เกิน 9 หลัง ซึ่งอยากขอให้กรมที่ดินเข้มงวดและตรวจสอบ”นายมีศักดิ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image