‘ทนาย’ ผู้ต้องหาเยอรมันค้ากามเด็ก โต้สื่อนอก ชี้เป็นเงินประกัน ไม่ใช่สินบนช่วยหนี
จากกรณีสื่อต่างประเทศรายงานข่าว นักท่องเที่ยวเยอรมนี ถูกดำเนินคดีซื้อบริการเด็กสาว 15 ในพัทยา แต่มีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ 1 ล้าน เพื่อแลกการออกนอกประเทศไทยนั้น 1 ในผู้ต้องหาได้ให้สัมภาษณ์กับ DW ว่า จ่ายสินบนกว่าล้านบาท มีหลักฐานเป็นวิดีโอตอนหิ้วเงินไปจ่ายเงินสินบน 3 หมื่นยูโรเป็นค่าประกันตัว และ “ค่าทนายความอีก 2 หมื่นยูโร” จนสามารถเดินทางออกจากไทยได้ แม้ว่าจะถูกดำเนินคดีข้อหาละเมิดทางเพศผู้เยาว์จากการซื้อบริการที่บาร์ในพัทยา ทั้งยังโพสต์คลิปความยาว 26 วินาที ซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ต.ค.65 ที่ตำรวจชลบุรีแถลงผลการกวดขันปราบปรามการค้าประเวณีและค้ามนุษย์
อ่านข่าว : ฉาวโลก!! สื่อเยอรมันตีแผ่ขบวนค้ากามเด็กในไทย แฉ2ผู้ต้องหาจ่ายสินบนหลบหนี
ล่าสุดมีรายงานว่า โลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ต่อประเด็นดังกล่าวในวงกว้าง หลังช่อง DW documentary ประเทศเยอรมัน นำเสนอสารคดีข่าวกรณีการค้าบริการทางเพศเด็กที่พัทยา ประเทศไทย โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาชาวเยอรมัน 2 คน ในข้อหาซื้อบริการเด็กสาวอายุไม่เกิน 15 ปีแต่สุดท้ายทั้งคู่ติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทย เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท เพื่อหลบหนีเดินทางออกนอกประเทศจนสำเร็จ และปัจจุบันยังใช้ชีวิตตามปกติอยู่ที่ประเทศเยอรมัน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม นายปริญญา พรมศักดิ์ ทนายความของผู้ต้องหาชาวเยอรมันที่ถูกพาดพิงในกรณีดังกล่าว เปิดเผยว่า ไม่เป็นความจริง
โดยนายปริญญาระบุว่า ก่อนที่ตนจะเป็นทนายความให้กับชาวเยอรมนีและยื่นคำร้องให้เดินทางออกนอกประเทศ มีทนายคนอื่นยื่นขอประกันตัวไปแล้ว แล้วทีมของตนจึงมารับช่วงต่อ แก้ต่างคดีให้ โดยหลังจากนั้น ชาวเยอรมนีอ้างว่าต้องกลับประเทศเพื่อไปคุยงานธุรกิจเสื้อผ้า กลับไปประชุมกับผู้ถือหุ้นซึ่งถูกอายัด จำเป็นต้องไปยืนยันตัวตนโดยแสดงใบหน้า ตนจึงยื่นคำร้องต่อศาลพัทยาเพื่อขอเดินทางเป็นการชั่วคราว
โดย ในการยื่นคำร้องศาลจึงมีการเรียกเงินประกันเพิ่มโดยเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นเงินจำนวนเดียวกันกับที่ถือมาให้กับทีมทนายของตน โดยส่วนหนึ่งไปวางเป็นเงินประกันตามที่ศาลจังหวัดพัทยากำหนด อีกส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของทีมทนายตน
ฉะนั้น ที่มีการโพสต์ว่าเงิน 1 ล้านบาทถูกไปจ่ายเป็นค่าสินบนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ตนยืนยันเลยว่าไม่เป็นความจริง โดยเงินจำนวนดังกล่าว น่าจะเป็นเงินจำนวนเดียวกันกับที่นำมาจ่ายทีมทนาย ซึ่งการนำเสนอข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสีย เจ้าหน้าที่รัฐก็เสื่อมเสียด้วย วันนี้ตนจึงจำเป็นต้องออกมาพูด
