ชาวบ้าน ต.หนองตาด รวมตัวประท้วงฟาร์มหมูส่งกลิ่นเหม็นกระทบ 5 หมู่บ้าน กระทบวิถีชีวิต ทำน้ำเสียหากินไม่ได้อีก ร้องเรียนหลายครั้งไม่มีหน่วยงานใดช่วยได้ สุดช้ำ ก่อนสร้างฟาร์มประกาศให้ไปลงชื่อเอาเนื้อหมู 1 กก. สุดท้ายกลายเป็นรายชื่อลงประชาพิจารณ์สร้างฟาร์มหมู เจ้าของโร่แจง หากมีผู้รู้แนะวิธีให้ลดกลิ่น ยินดีจะแก้ไขให้
เมื่อวันที่ 18 มกราคม ชาวบ้านบัลลังก์น้อย และหมู่บ้านใกล้เคียงของ ต.หนองตาด เดินทางมารวมตัวที่วัดบัลลังก์น้อย ต.หนองตาด เพื่อต้องการสื่อไปยังเจ้าของฟาร์มหมูในหมู่บ้าน ที่ส่งกลิ่นเหม็นกระทบชาวบ้านมากกว่า 5 หมู่บ้านของ ต.หนองตาด
ทั้งนี้ ชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างได้รับผลกระทบจากมลพิษทางกลิ่น ทำให้มีชาวบ้านเป็นจำนวนมาก มีความผิดปกติทางปอด บางรายต้องย้ายบ้านหนี เนื่องจากไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ไขปัญหาให้ได้
นางจันทร์เพ็ญ ขันพันธ์ อายุ 68 ปี ชาวบ้าน หมู่ 6 ต.หนองตาด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เล่าว่า ชาวบ้านเดือดร้อนมานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ฟาร์มหมูมาตั้งอยู่ในหมู่บ้าน เพราะส่งกลิ่นเหม็นมาโดยตลอด
พอชาวบ้านไปร้องเรียน ก็ดีขึ้นได้ไม่ถึง 2 เดือน ก็กลับมาเหม็นอีก ตอนนี้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบมีมากกว่า 5 หมู่บ้าน ร้องเทศบาลในพื้นที่ก็เงียบหายไม่เป็นผล ร้องไปอีกหลายหน่วยงานก็ไม่มีความคืบหน้า ขณะฟาร์มหมูขยายกิจการขึ้นจากเลี้ยง 3 เดือนกลายมาเป็นเลี้ยง 6 เดือน
นางจันทร์เพ็ญกล่าวด้วยว่า ก่อนที่ฟาร์มจะมาเปิดที่นี่ ได้มีเจ้าของฟาร์มประกาศให้ชาวบ้านไปเอาเนื้อหมูหลังคาเรือนละ 1 กก.ได้ที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน อ้างว่ามาสร้างความสัมพันธ์ ชาวบ้านแห่กันไปเอาทุกหลังคาเรือน แต่ต้องมีการเซ็นรับเอาเนื้อหมู ใครเขียนหนังสือไม่ได้ให้ใช้พิมพ์ลายนิ้วมือ
สุดท้ายรายชื่อที่เราเซ็นไป เป็นการประชาพิจารณ์ให้สร้างฟาร์มหมูได้ ยอมรับว่าชาวบ้านต่างไม่พอใจเพราะเหมือนถูกหลอก นอกจากนี้ ฟาร์มยังปล่อยน้ำเสียลงลำห้วยสาธารณะจากที่ชาวบ้านเคยหากุ้งหอยปูปลา ตอนนี้หาไม่ได้แล้วเพราะน้ำเป็นพิษ
ด้าน น.ส.วรรณรุณี รัตนกิจประเสริฐ อายุ 42 ปี ชาวบ้านหมู่ 14 ต.หนองตาด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ตนเพิ่งมาอยู่ในพื้นที่นี้ได้ประมาณ 4 ปี เพราะย้ายที่ทำงานมาบ้านเกิด
แต่มาอยู่แล้วสุดทรมาน เพราะกลิ่นเหม็นจากฟาร์ม ร้องเรียนไปแทบทุกหน่วยงานแต่ไม่มีใครมาแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านได้ ชาวบ้านจึงจำเป็นต้องร้องสื่อสารมวลชน เพื่อให้เป็นกระบอกเสียงถึงผู้ใหญ่ให้รับรู้ถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน
ขณะที่นางนงนุช ดุสิตณรงค์ อายุ 75 ปี เจ้าของฟาร์มหมู กล่าวว่า ตอนนี้ฟาร์มได้ใช้ชีวภาพในการดับกลิ่น โดยจะฉีดพ่นในเล้าเช้าเย็น ด้านนอกคอกยังต้องใช้จุลินทรีย์ก้อนวางทุกมุม
ฟาร์มที่นี่เป็นฟาร์มมาตรฐานใช้ระบบแก๊ส เคยส่งท่อแก๊สไปให้ชาวบ้านใช้มาแล้ว แต่ติดปัญหาการชำรุดเสียหาย อยากให้ชาวบ้านให้ความเป็นธรรมกับเราบ้าง กลิ่นเหม็นไม่ถึงกับหายใจไม่ออก
“แต่ยอมรับว่าสภาพลมที่พัดไปอาจจะส่งกลิ่นบ้าง เราพยายามเต็มที่แล้ว หากมีผู้รู้จะแนะฟาร์มให้ลดกลิ่น ทางฟาร์มยินดีจะแก้ไขให้ จึงอยากจะฝากถึงชาวบ้านฟาร์มไม่ได้นิ่งนอนใจ เราอยากจะให้ฟาร์มกับชุมชนอยู่กันอย่างมีความสุข” นางนงนุชกล่าว