เปิดเหตุผล ผัวตร. ขอมีเมียน้อย เมียหลวง ลั่น เดินหน้าฟ้องเอาเรื่องถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง พานางเอ ผู้เสียหายและเป็นเมียหลวง เปิดใจกับสื่อมวลชน หลังจากจับได้ว่าสามีตำรวจ นอกใจมีเมียน้อยและซุกลูก ทุกข์กับความสัมพันธ์นี้มานานกว่า 2 ปี ถูกเมียน้อยรังควานไม่เลิก สุดท้ายตัดสินใจฟ้องหย่า
นางเอกล่าวว่า จุดเริ่มต้นเกิดจากผู้หญิงคนหนึ่งได้ทักข้อความมาว่าให้สามีของเราเอาคีย์การ์ดห้องของเขาไปคืน ซึ่งหลังจากนั้นจึงทราบว่าสามีไปมีเมียน้อย ที่ผ่านมาเริ่มมีพฤติกรรมหลายอย่างของสามีที่เปลี่ยนไป เช่น ไม่ยอมกลับบ้าน เข้าบ้านมาก็ออกไป และกลับมาอีกทีช่วงเช้า หลังจากทราบว่าสามีมีเมียน้อยจึงคุยกับสามีและขอให้เขาหยุด ซึ่งสามีก็รับปากว่าจะเลิกกับเมียน้อยคนนี้ จะพยายามจบความสัมพันธ์ให้ได้ ตอนแรกสามีบอกว่าจะเลือกลูกเมีย และสามีก็ยอมทำข้อสัญญาจ่ายเงินให้กับเมียน้อย 50,000 บาท เพื่อให้เมียน้อยเลิกยุ่ง แต่สุดท้ายเมียน้อยก็ไม่ได้ทำตามข้อตกลงและมาบอกว่าตั้งท้องกับสามี พร้อมกับให้สามีรับผิดชอบ
ที่ผ่านมาเราเป็นเมียหลวง แต่ไม่สามารถโพสต์รูปครอบครัวลงโซเชียลได้เลย เพราะสามีห้ามให้เมียน้อยเห็น ตอนนั้นตนโพสต์รูปครอบครัวลงโซเชียล หลังจากที่สามีรับปากว่าจะเลิกกับเมียน้อยแล้ว แต่โพสต์ได้ไม่นานสามีก็เข้ามาด่าทอตนอย่างรุนแรง และบังคับให้ลบ ให้เปลี่ยนนามสกุลด้วย แต่ตนไม่ยอม
นอกจากนี้ สามียังโกหกหลอกให้ตนไปกู้หนี้นอกระบบมา 8,000 บาท อ้างมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงิน สุดท้ายเมียน้อยก็มาบอกตนว่า ที่สามีให้ตนไปกู้หนี้นอกระบบนั้น เพราะต้องการจะนำเงินมาให้เมียน้อยอัลตราซาวด์ลูกในท้อง และเงินในจำนวนนั้นตนก็เป็นคนส่งคนเดียว สามีไม่มาช่วยอะไรเลย ก็ยิ่งทำให้เจ็บใจมากขึ้นไป
พฤติกรรมของเมียน้อยคนนี้ไม่ได้ระรานเพียงแค่ตน แต่ยังระรานลูกสาวด้วย เมื่อรู้ว่าลูกสาวของตนเข้าโรงพยาบาลก็ทักข้อความมาด่าบอกว่า “เวรกรรมตามสนอง นอนโรงพยาบาลชั้นไหน จะส่งพวงหรีด จะส่งโลงศพไปให้ลูกมึง” เมื่อตนลงคลิปวันเกิดลูกสาว เมียน้อยก็ยังทักข้อความมาด่าอีกว่า “แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ชิงหมาเกิด คนจะเกิด ก็ชิงหมาเกิด”
ขณะที่เมียน้อยเองก็โพสต์โซเชียลระรานตนกับลูกไม่เลิก อย่างตอนที่ตนไม่อยู่ สามีก็เอาเมียน้อยมานอนที่ห้องและถ่ายรูปเซลฟี่ ก่อนจะลงในช่องทางโซเชียลเพื่อให้ตนเห็น จึงถามลูกสาวว่าเมื่อคืนพ่อนอนกับใคร และพ่อก็สั่งให้ลูกสาวยกมือไหว้เมียน้อยอีกด้วย นอกจากนี้ สามีเอาลูกเมียน้อยมาอยู่ที่ห้องเดียวกัน โทรหาเมียน้อยต่อหน้าตน ต่อหน้าลูกที่อยู่ในห้อง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนของห้องก็มีแต่ของเมียน้อยหมด
“เราอยู่แบบทุกข์ทรมานมาก สามีบอกว่าให้เราอยู่เงียบๆ และจะจัดการเมียน้อยเอง แต่ไม่รู้จัดการแบบไหน เมียน้อยยังคงระรานอยู่ และเมื่อสามีบอกว่าให้เราไปเปลี่ยนนามสกุล แล้วกลับไปอยู่บ้าน เมื่อเราไม่ยอมเปลี่ยน สามีก็ถุยน้ำลายใส่หน้า ที่เรายอมทนอยู่กับความสัมพันธ์แบบนี้มาเกือบ 3 ปี เพราะเราเห็นแก่ลูก ลูกพูดกรอกหูทุกวันว่าอยากให้พ่อกับแม่คืนดีกัน เราเคยถามแล้วว่าถ้าหากวันใดวันนึงต้องแยกกันขึ้นมาลูกอยากจะอยู่กับใคร ลูกก็บอกว่าอยากอยู่ทั้งพ่อทั้งแม่ เราจึงพยายามประคับประคองและอดทนมาโดยตลอด แต่จนถึงวันนี้ทนไม่ไหวแล้ว ยืนยันจะเดินหน้าฟ้องร้องเมียน้อยคนนี้ให้ถึงที่สุด“
ทั้งนี้ หลังจากที่นำเรื่องนี้มาร้องเรียนกับมูลนิธิเป็นหนึ่ง สามีติดต่อมาหาคุณต้นอ้อ และบอกถึงเหตุผลที่ทำให้ต้องมีเมียน้อยว่าติดพนัน ซึ่งตนยอมรับว่าหลงผิด ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ แต่เรื่องจบไปนานมากแล้ว และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่สามีจะมีเมียน้อยคนนี้
พฤติกรรมของเมียน้อยคนนี้ไม่ได้เพิ่งจะมาเป็นแค่เมียน้อยของสามีตนเท่านั้น แต่ก่อนหน้านี้สามีของตนไปงานศพของเพื่อนตำรวจที่ยิงตัวตาย และไปเจอเมียน้อยคนนี้นั่งร้องไห้อยู่หน้างาน สุดท้ายมารู้ความจริงว่าเมียน้อยคนนี้ก็ไปเป็นเมียน้อยของเพื่อนตำรวจที่ยิงตัวตายเหมือนกัน และในวันนั้นทั้งคู่รู้จักกันก่อนจะสานสัมพันธ์กันจนถึงทุกวันนี้ ด้านเมียหลวงของตำรวจที่เสียชีวิตก็มารู้ตอนงานศพ
ขณะที่ น.ส.ชลิดากล่าวว่า หลังจากที่จะมาออกรายการโหนกระแส ฝ่ายชายได้ทักข้อความมาหา พร้อมกับบอกสาเหตุว่าทำไมตนเองถึงไปมีเมียน้อย บอกว่าตัวเองอยากจะมีลูก 3 คน แต่เมียหลวงไม่สามารถมีได้จึงไปมีกับเมียน้อย และตนมองว่าฝ่ายชายมีอาชีพข้าราชการตำรวจก็ถือว่าทำผิดวินัย และเมียน้อยก็หน้าด้านพอสมควร บางคนรู้ตัวว่าเป็นเมียน้อย หรือบางคนอาจจะรู้ตัวว่าเป็นเมียน้อย แต่พอมารู้ความจริงทุกคนก็หยุด แต่กับผู้หญิงคนนี้ไม่ รู้สึกภาคภูมิใจกับการไปแย่งสามีของคนอื่น เหมือนเป็นโรคจิต ถ้าหากว่ามั่นใจว่าตัวเองสวย และสาวกว่าทำไมถึงต้องมาแย่งสามีของคนอื่น
ขอบคุณข่าวสด
