ผัวคลั่งทุบหัวเมียดับคาที่นอน ชาวบ้านเล่า ได้ยินเสียงคำรามนึกว่าของขึ้น ตำรวจเข้าตรวจสอบ คาดใช้ด้ามจอบเป็นอาวุธสังหาร พร้อมควบคุมตัวในข้อหาฆ่าผู้อื่น
เวลา 08.00 น. เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ภาราศี สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุสามีป่วยจิตเวชใช้ด้ามจอบทุบหัวเมียเสียชีวิตบนที่นอนในบ้าน หลังก่อเหตุฆ่าเมียช่วงกลางคืนที่ผ่านมา แล้วออกมาจากบ้านมาไล่ทำร้ายชาวบ้านช่วงเช้าวันนี้ ชาวบ้านได้จับผู้ก่อเหตุมัดไว้ที่หน้าบ้าน แล้วโทรแจ้งให้ตำรวจควบคุมตัวไปที่โรงพักแล้ว เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 338/6 ซ.ประชาสันติ 10 ชุมชนเก่าจาน 5 เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงออกไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี แพทย์เวรโรงพยาบาล (รพ.) ศูนย์อุดรธานี และอาสากู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี
บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านทำด้วยสังกะสี ภายในห้องนอนพบร่องรอยการต่อสู้ข้าวของกระจัดกระจาย พบศพ น.ส.พนิดา มนต์ขลัง อายุ 37 ปี ภรรยาเจ้าของบ้าน อยู่บ้านเลขที่ 567 ม.15 ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี นอนตะแคงอยู่ในมุ้งบนที่นอน และพบด้ามจอบทำด้วยไม้เนื้อแข็งความยาวประมาณ 1.5 เมตร ปลายด้ามจอบเปื้อนเลือด วางอยู่บนโซฟาไม้ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการตรวจสอบสภาพศพรอบศีรษะถูกทุบจนกะโหลกแตกเป็นแผลฉกรรจ์ 6-7 แห่ง เสียชีวิตมาประมาณ 8-12 ชั่วโมง อาสากู้ภัย จึงนำศพไปเก็บรักษาไว้ที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี เพื่อรอญาติมารับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ส่วนคนก่อเหตุทราบชื่อภายหลังคือ นายบุญช่วย สอนฮูม หรือชำนาญ อายุ 49 ปี เจ้าของบ้าน ป่วยจิตเวชจากการใช้สารเสพติดคือ ยาบ้าและกัญชา และเคยมีประวัติคุ้มคลั่งทำร้ายพระภิกษุในวัดธรรมเสนา ที่อยู่ห่างกันประมาณ 800 เมตร โดยการจับศีรษะโขกพื้นในศาลาจนหัวแตก เหตุเกิดเช้าวันที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา
จากการสอบถาม นายธิติวุฒิ ชัยศรีชาติ อายุ 47 ปี เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังล้างรถยนต์อยู่หน้าบ้าน ผู้ก่อเหตุได้เดินมาใช้มือตบที่ศีรษะตน 3-4 ครั้ง ตนจึงถอยหนีเพื่อตั้งหลัก แล้วก็เกิดการชกต่อยกัน จากนั้นพ่อกับหลานชายก็ออกมาช่วยจับผู้ก่อเหตุมัดเอาไว้ ผู้ก่อเหตุมีอาการตาขวาง กัดฟัน และเดินมาชี้หน้าตน ก่อนจะมาทำร้ายตน ผู้ก่อเหตุอยู่บ้านกับเมีย 2 คน ตอนนั้นตนยังไม่รู้ว่าเมียเขาถูกทำร้ายจนตาย มีคนข้างบ้านได้ยินเสียงผู้ชายร้องตะโกน และเสียงทะเลาะตอนช่วงค่ำของวันที่ผ่านมา หลังจากตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตไปโรงพัก จึงแจ้งญาติผู้ก่อเหตุพากันเข้าไปดูในบ้าน ก็พบว่าเมียถูกทำร้ายเสียชีวิตในบ้านแล้ว และก่อนหน้านี้บ้านผู้ก่อเหตุก็ถูกเพลิงไหม้วอดทั้งหลัง จึงไปสร้างเพิงพักอยู่หลังบ้านขณะที่ นางจิตติมา มาตาปิตา อายุ 53 ปี เพื่อบ้าน เล่าว่า เมื่อวานเวลาประมาณ 20.00 น. (29 มี.ค.67) ขณะตนกำลังจะเข้านอนพักผ่อน ก็ได้ยินเสียงผู้ตายร้องไห้เสียงดัง และได้ยินเสียงทะเลาะกัน ในห้องนอนนานเกือบครึ่งชั่วโมง ส่วนตนก็มาแอบดูที่หน้าต่าง ไม่กล้าเข้าไปกลัวได้รับอันตราย เพราะมีความผิดปกติมา 2 สัปดาห์แล้ว สงสัยผู้ก่อเหตุจะขาดยารักษาอาการจิตเวช ชอบเดินไปมาในซอย ขนาดแดดร้อนก็ยังยืนตากแดด ไม่ยอมเข้าไปหลบในที่ร่มเลย ตนจึงสงสัยว่าเขาอาจจะขาดยาอีกแล้ว จากนั้นเสียงร้องในห้องก็เงียบไป แล้วได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ขี่ออกไป ตนนึกว่าเมียคงขี่รถหนีผัวออกจากบ้านไปแล้ว และได้ยินเสียงทุบรั้วปูน โดยตนก็ได้ยินเสียงร้องผู้ก่อเหตุทั้งคืน ร้องคำรามเหมือนสิงโตและเสือ ตอนนั้นตนคิดว่าผู้ก่อเหตุคงไปสักยันต์อะไรมาแล้วมีอาการของขึ้น
ขณะที่ นายอลงกรณ์ สอนฮูม อายุ 53 ปี พี่ชายคนก่อเหตุ ชาวชุมชนบ้านม่วง 2 เขตเทศบาลนครอุดรธานี กล่าวว่า บ้านพักตนอยู่ไม่ไกลจากบ้านน้องชาย ขณะตนอยู่ที่บ้าน มีคนโทรศัพท์ไปบอกว่า น้องชายไล่ทำร้ายคนในซอย ตนจึงได้มาดูก็พบว่าประตูรั้วหน้าบ้านปิดล็อก ส่วนน้องชายถูกตำรวจจับตัวไปแล้ว แต่ไม่เห็นเมียของน้องชาย ที่แรกนึกว่าน้องสะใภ้ไปทำงานที่ปั๊มน้ำมัน จึงให้คนขี่รถไปตามแต่ก็ไม่เห็น ตนกับชาวบ้านจึงปีนเข้าไปเปิดประตูบ้านน้องชาย ก็พบน้องสะใภ้ถูกทำร้ายเสียชีวิตอยู่บนที่นอน จึงให้คนมาตัดกุญแจหน้าบ้านให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบนายอลงกรณ์กล่าว ส่วนเรื่องไฟไหม้บ้านนั้นมีแต่คนว่าน้องชายเป็นคนเผา หลังจากตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นไฟฟ้าลัดวงจร แต่เรื่องทำร้ายร่างกายพระนั้นเขาทำจริง ซึ่งตนคิดว่าน้องไม่กินยารักษาอาการอย่างต่อเนื่อง เมื่อถามน้องก็จะโกหกว่ากินยาแล้วทุกครั้ง แล้วก็จะแอบไปเล่นยาอีก หลังจากน้องชายป่วยจิตเวชก็ไม่ได้ทำงานอะไร มีแต่เมียทำงานที่ปั๊มน้ำมันหาเลี้ยง น้องสะใภ้เป็นคนนิสัยดี อยู่กินกับน้องชายตนมานานหลายปีแล้ว ปกติน้องชายจะเป็นกลัวเมีย ถ้าเมียพูดอะไรก็จะฟัง ครั้งนี้คาดว่าเขาคงจะเสพยาเข้าไปมาก แล้วเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ก่อนลงมือฆ่าเมียตัวเอง
ขณะที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายบุญช่วย สอนฮูม หรือชำนาญ ผู้ก่อเหตุ ไปสอบสวนที่โรงพัก แต่ไม่ยอมพูดให้การอะไรเลย ได้แต่ทำตาขวาง กัดฟัน และจะควบคุมตัวไปรักษาอาการคลุ้มคลั่งให้สงบลงที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี หรือมีอาการดีขึ้นจนสามารถให้การได้ จึงจะควบคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ในเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่น” เพราะมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน