เชียงใหม่ยังน่าห่วง จุดความร้อนโผล่ซ้ำ ค่าPM2.5 ทะยานที่ 8 โลก คาดฝุ่นจะฟุ้งหลัง 13 เม.ย.

วันที่ 13 เมษายน 2567 - 16:28 น.

มาตามนัด! จุดความร้อนโผล่ซ้ำ คาดฝุ่นจะฟุ้งอีกหลัง 13 เมษายน นักวิชาการวิเคราะห์ไฟกองเล็กประชิดเมืองสร้างมลพิษสูงกว่า

เมื่อวันที่ 13 เมษายน ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เชียงใหม่ รายงานพบจุดความร้อน (Hotspot) ประจำวันที่ 13 เมษายน 2567 รอบเช้า จำนวน 4 จุดพื้นที่อำเภอเชียงดาว ส่วนรอบบ่ายพบ จำนวน 33 จุด ในพื้นที่อำเภอเชียงดาว 7 จุด พร้าว 7 จุด แม่แตง 4 จุด แม่แจ่ม 3 จุด จอมทอง 3 จุด สันทราย 2 จุด กัลยาณิวัฒนา 2 จุด อมก๋อย 1 จุด ดอยสะเก็ด 1 จุด สะเมิง 1 จุด แม่ริม 1 จุด เวียงแหง 1 จุด ซึ่งส่งผลให้ดัชนีคุณภาพอากาศของเชียงใหม่ไต่จากท้ายตารางมาอยู่ที่อันดับ 8 ของโลก แต่ภาพรวมของค่าฝุ่นจิ๋วยังอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง

ดร.เจน ชาญณรงค์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่มีพฤติกรรมไฟป่า 2 ปี ที่ไม่เหมือนกัน จากไทม์ไลน์ของไฟป่าที่อยู่ประชิดเมืองเชียงใหม่และห่างออกไปเรื่อยๆ จนถึงแม่ปิง อมก๋อย แม่ตื่น และสาละวิน ความแตกต่างของจุดสูงสุดระหว่างปี 2566 กับปี 2567 ชี้ชัดว่า ไฟที่อยู่ประชิดเมืองนั้น แม้จะเป็นไฟเล็กลุกไหม้อยู่ 5-9 วัน มันสร้างมลพิษต่อเชียงใหม่ได้มากกว่าไฟใหญ่ที่อยู่ไกลๆ เช่น ในแม่ปิง อมก๋อย แม่ตื่น และสาละวินมากเลย โดยเชียงใหม่ต้องระวังไฟรอบๆ เมืองจากสุเทพ-ปุย สะเมิง สันทราย ศรีลานนา-ดอยสะเก็ด ออบขาน อินทนนท์ เป็นพิเศษ ถ้าส่วนนี้ไม่ขึ้น ซึ่งคงมีสักวัน เชียงใหม่ก็จะไม่วิบัติ

“อีกข้อสังเกต คือ ที่อาจจะไม่วิบัติเท่าปี 2566 นั้น เพราะมีไฟจากสันทราย ศรีลานนา-ดอยสะเก็ด ออบขาน อินทนนท์ เกิดและจบไปก่อนหน้าแล้ว ตามมาด้วยฝนคั่นกลาง แล้วถึงจะมี สุเทพ-ปุย กับสะเมิงตามมา ถ้าสามารถแบ่งอย่าให้ทั้ง 5 แห่ง มาเกิดพร้อมๆ กันได้ ก็อาจจะเป็นทางออกอีกทางหนึ่งจุดความร้อน ไม่มีไว้เพื่อเอาจำนวนมากบวกกันสิ้นฤดูไฟ ได้จำนวนแต่แก้ไขไม่ได้ เพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดที่ไหน แต่วันเวลาและช่วงเวลา และตำแหน่ง มีความหมายซ่อนอยู่มาก ต้องค่อยๆ พยายามเข้าใจและทำให้เห็นภาพมากขึ้น เพราะแม่ปิง อมก๋อย แม่ตื่น ปีนี้ทำงานหนัก แต่เรากระจายให้ไฟค่อยๆ ไหม้ ใช้เวลายาวนาน แต่เหนื่อยกว่าเดิมเยอะ

ดูอย่างอมก๋อยกับแม่ตื่นยาวขึ้นเกือบสองเท่า แม่ปิงยาวขึ้นเกือบ 50% เหนื่อยกันมาก หมายความว่า ฝุ่นที่ฟุ้งกระจายมาจากไฟป่าขนาดใหญ่ไกลๆ มันกระจายไปเยอะแล้ว กว่าจะมาถึงมันจะจางไปมากและไม่สร้างมลพิษความเข้มข้นสูงๆ แต่จะเป็น background ให้ตรงข้ามกับกองเล็กแต่ประชิดต้นลม อันนี้ได้ฝุ่นเข้มๆ เลย” ดร.เจนกล่าว