เครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ หรือเปอร์มาตามาส ยังเฝ้าติดตามการประชุม ครม.วันนี้ ว่าจะนำเรื่องของรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเข้าที่ประชุมเพื่อนำไปสู่การยกเลิกตามที่รับปากกับเครือข่ายปกป้องหรือไม่ อ่านแถลงการณ์ถามรัฐบาลต้องเริ่มอีไอเอใหม่ทุกโครงการหรือไม่
รายงานข่าวจากจังหวัดสงขลาเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ชาวบ้านในเครือข่ายประชาชนจังหวัดภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ หรือเปอร์มา ตามาสให้ความสนใจ ในการติดตามข่าวของโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ ตามที่รัฐบาลได้มีข้อตกลงกับตัวแทนเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ที่จะนำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือ EIA และรายงานผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม หรือ EHIA เข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อนำไปสู่การพิจารณายกเลิกในวันนี้ เพื่อที่จะรอดูความชัดเจนของรัฐบาล ภายหลังที่ได้รับปากกับตัวแทนชาวบ้านเอาไว้ เพื่อให้ยุติการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ว่าจะสามารถทำได้ตามที่รับปากเอาไว้หรือไม่
ทั้งนี้ นายดิเรก เหมนคร ผู้ประสานงานเครือข่ายเปอร์มาตามาส บอกว่า ยังเฝ้าติดตามสถานการณ์ พร้อมยืนเคียงข้างในการร่วมต่อสู้กับเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน สำหรับในส่วนของโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพานั้น ทางเครือข่ายยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมเพื่อปกป้องชุมชน สิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของคนในพื้นที่เอาไว้ พร้อมทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เน้นการให้ข้อมูลทางวิชาการ เพื่อให้ชาวบ้านมีความเข้าใจก่อนที่จะเข้ามาเป็นแนวร่วมในการแสดงพลังคัดค้านโครงการนี้ร่วมกัน
ต่อมาเวลา 10.00 น.วันเดียวกัน เครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ หรือเปอร์มาตามาส และเครือข่ายภาคประชาชนชายแดนใต้ รวมตัวกันในพื้นที่ก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ในพื้นที่ชุมชนบางหลิง ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เพื่อร่วมกันอ่านแถลงการณ์ หยุดถ่านหินในประเทศไทย โดยมีนายอิศเรศ หะยีเด สมาชิกเครือข่ายเปอร์มาตามาส เป็นตัวแทนในการอ่านแถลงการณ์
โดยช่วงหนึ่งของแถลงการณ์นั้นระบุว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินคือหายนะของโลก เป็นตัวการสำคัญที่เพิ่มภาวะโลก เกิดมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ทำลายชุมชนและวิถีเศรษฐกิจพอเพียงของพี่น้องในชนบท ดังนั้น ภารกิจของเครือข่ายและภาคประชาชนทุกคนคือ “หยุดถ่านหินประเทศไทย” เราจะไม่ไล่โรงไฟฟ้าถ่านหินให้พ้นจากหน้าบ้านเราแล้วให้ไปสร้างที่อื่น แม้แต่กรุงเทพที่ใช้ไฟฟ้ามากที่สุดและฟุ่มเฟือยที่สุด ก็ไม่ควรสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เราสามารถมีไฟฟ้าใช้ได้ด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดและเน้นวางระบบการผลิตพลังงานสะอาด เพื่ออนาคตของโลกและลูกหลานเราไม่ใช่เพื่ออุ้มอุตสาหกรรมถ่านหินที่กำลังทยอยล้มละลาย, การคัดค้านถ่านหินประเทศไทยในครั้งนี้ มีความชัดเจนที่ทุกฝ่าย (ยกเว้น กฟผ.) เห็นร่วมกันคือ กระบวนการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ EHIA รวมทั้งกระบวนการมีส่วนร่วมในการรับฟังความคิดเห็นต่างๆ นั้น มีความฉ้อฉล เป็นเพียงพิธีกรรม ไม่ได้รับฟังจริง ไม่แก้ปัญหา ไม่ตอบข้อคัดค้านของชุมชน และเมื่อโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ต้องถอยหลังกลับไปทำ EHIA นับหนึ่งใหม่ ทางเครือข่ายฯจึงขอถามทางรัฐบาลว่า สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา สงขลา โครงการท่าเรือน้ำลึกสงขลาสองจะนะ สงขลา โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบาราสตูล โครงการเหมืองแร่โพแตส โครงการระเบิดแก่งแม่น้ำโขง หรือโครงการพัฒนาใดๆ ที่ภาคประชาชนยังมีความเห็นต่างจากภาครัฐ และมีความฉ้อฉลและไร้ประสิทธิภาพของการศึกษา EIA หรือ EHIA เช่นกัน ควรจะต้องเริ่มต้นใหม่ด้วยหรือไม่ เพื่อให้เป็นมาตรฐานแห่งความถูกต้องเป็นธรรมเดียวกัน
เครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ (PERMATAMAS) และเครือข่ายภาคประชาชนชายแดนใต้ขอประกาศต่อสาธารณะว่า “การหยุดถ่านหินประเทศไทย และหยุดการพัฒนาที่กอบโกยทรัพยากรออกจากชุมชน คือภารกิจที่เรายังมุ่งมั่น” และการประสานพลังประชาชนผู้รักสิ่งแวดล้อมและผู้รักษาฐานทรัพยากรในชุมชนทั้งประเทศ ให้เกิดเป็นการปกป้องจากอำนาจรัฐและอำนาจทุนที่ไม่เป็นธรรม ด้วยความเป็นเครือข่ายเท่านั้น ที่ภาคประชาชนจะหลุดพ้นจากการพัฒนาแบบทำลายล้างและกอบโกยเฉพาะกลุ่มบุคคลนี้ได้
อย่างไรก็ตาม นายดิเรกกล่าวว่า ทางเครือข่ายเปอร์มาตามาส ยืนยันเจตนารมณ์ ในการคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน และเรียกร้องให้หยุดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทุกแห่ง แล้วหันมาใช้พลังงานทางเลือกอื่นๆ ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตชุมชน สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ก่อสร้างโครงการนั้น แน่นอนว่าจะต้องออกมาต่อสู้ เพื่อแสดงให้รัฐบาลเห็นว่าไม่ต้องการให้เกิดโครงการขึ้นในพื้นที่ ไม่ว่าผลที่ออกมาจากเป็นเช่นไร จะแพ้หรือจะชนะ ไม่สำคัญ แต่หากไม่ร่วมกันต่อสู้ก็มีแต่แพ้อย่างเดียว
