เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นายกิตติชัย เอ่งฉ้วน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่และเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน เป็นคณะกรรมการไตรภาคีภาคประชาชน พิจารณาโครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เปิดเผยว่า ผลการประชุมของคณะรัฐมนตรีเป็นที่พอใจ เนื่องจากเป็นไปตามข้อตกลงกันไว้กับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยมติที่ประชุม ครม.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ที่ ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ และโครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลองใหม่โดยมีการให้ตั้งคณะกรรมการไตรภาคีขึ้นมา
เนื่องจากที่ผ่านมากระบวนการดังกล่าวประชาชนขาดการมีส่วนร่วม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไม่ชี้แจงรายละเอียดถึงผลกระทบที่ชัดเจนให้ประชาชนได้รับทราบ และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ฉบับดังกล่าวที่ส่งให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมพิจารณา สั่งให้มีการศึกษาเพิ่มเติมหลายประเด็น
นายกิตติชัยกล่าวอีกว่า ในรายงานฉบับดังกล่าวไม่มีการศึกษาผลกระทบต่อด้านการท่องเที่ยวแต่อย่างใด ทั้งที่ จ.กระบี่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวนำเงินเข้าประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท การที่มีเรือบรรทุกถ่านหินขนาดใหญ่แล่นผ่านพื้นที่เกาะลันตา เกาะพีพี ทะเลแหวก เกาะไม้ไผ่ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ จะส่งผลกระทบการท่องเที่ยวแน่นอน จากฝุ่นละอองและตะกอนของน้ำ เป็นเรื่องที่ดีหากมีการเริ่มต้นกระบวนการรายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ EIA/EHIA ใหม่
นางกนกวรรณ แซ่เอี่ยว อายุ 43 ปี ชาวบ้านบ้านแหลมหิน ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือคลองรั้ว สำหรับขนถ่ายถ่านหิน กล่าวว่า รู้สึกดีใจกับผลการประชุม ครม.ที่ให้ยกเลิกกระบวนการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ EIA และ EHIA ของโครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และท่าเทียบเรือคลองรั้วใหม่ ตามที่ตัวแทนรัฐบาลรับปากไว้ เนื่องจากหากมีการสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ และท่าเรือขนถ่ายถ่านหิน ในพื้นที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนในชุมชน โดยเฉพาะแหล่งทำมาหากินของชาวบ้าน ที่มีรายได้หลักจากการทำประมงพื้นบ้านเพียงอย่างเดียว
