เขื่อนเจ้าพระยาพร่องน้ำเพิ่ม รอรับฝนจากพายุยางิ ผงะขยะอื้อ ขวางทางระบาย
วันที่ 10 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มภาคกลาง ล่าสุดเร่งระบายน้ำลงท้ายเขื่อนเพื่อพร่องน้ำสร้างพื้นที่ว่างรับปริมาณน้ำที่จะเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุยางิ
โดยเช้านี้ปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงเขื่อนเจ้าพระยาลดลงต่อเนื่องโดยที่จุดวัดน้ำ C2 หน้าค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ ล่าสุด (09.00 น.) วัดได้ 1,372 ลบ.ม./วินาที (ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาลดระดับลง 30 ซม.ในรอบ 12 ชม. ล่าสุดวัดได้ 15.34 ม.รทก.(เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง)
ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยายังคงอัตราการระบายน้ำไว้ที่ 1,500 ลบ.ม./วินาที ต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 และมีแผนที่จะปรับเพิ่มแบบขั้นบันไดขึ้นไปที่เกณฑ์ 1,700 ลบ.ม.ในระยะ 4-5 วันข้างหน้า เพื่อสร้างพื้นที่ว่างในลำน้ำ รับมวลน้ำเหนือที่จะเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุยางิ เพื่อช่วยลดผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อน ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนลดลง 4 ซม. ล่าสุดวัดได้ 12.78 ม.รทก.
ทั้งนี้ จากการระบายน้ำในเกณฑ์ 1,500 ลบ.ม./วินาทีของเขื่อนเจ้าพระยา จะส่งผลกระทบกับพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ริมคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล บ้านบางหลวงโดด ต.บางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ระดับน้ำจะเริ่มลดลง 5-10 ซม. ใน 24 ชม.ข้างหน้า
แต่ยังมีมวลน้ำเหนือจากอิทธิพลของพายุยางิที่จะเติมลงมา บ้านเรือนในพื้นที่ดังกล่าวจึงควรเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ และติดตามประกาศทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ที่กำลังเก็บกู้ผักตบชวาขึ้นจากแม่น้ำบริเวณหน้าเขื่อนเจ้าพระยาก็เปิดเผยว่า ในระยะนี้พบขยะแปลกๆ ชิ้นใหญ่ๆ ลอยมากับน้ำจำนวนมาก ทั้งตุ๊กตาตัวเล็ก ตัวใหญ่ ที่นอน โซฟา ถังพลาสติก ถุงขยะขนาดใหญ่ อย่างที่เห็นตุ๊กตาตั้งอยู่นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
โดยขยะชิ้นใหญ่สุดที่เก็บขึ้นมาได้ก็คือที่นอนขนาด 5 ฟุต ที่วางอยู่ในตอนนี้ โดยเจ้าหน้าที่ฝากขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนที่จะทิ้งขยะ ขอให้นำไปทิ้งในที่ที่ท้องถิ่นจัดไว้ให้ อย่าทิ้งลงแม่น้ำลำคลอง เพราะของเหล่านี้เป็นตัวกีดขวางทางน้ำที่สร้างปัญหามาให้การจัดการและระบายน้ำ และยากในการจัดเก็บ เพราะต้องใช้เครื่องจักร สิ้นเปลืองเวลาและงบประมาณอีกด้วย
ขณะเดียวกันชาวบ้านในพื้นที่ท้ายเขื่อนเองก็เริ่มมีความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นจากสถานการณ์น้ำ โดยนายทัศนะ เล็กอึ่ง ซึ่งมีอาชีพขับแพขนานยนต์ข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ ม.2 ต.ตลุก อ.สรรพยา เปิดเผยว่า ตนเองเริ่มมีภาวะเครียดจากสภาพน้ำเจ้าพระยาที่กำลังสูงขึ้นและไหลเชี่ยวขึ้น ซึ่งหากระดับน้ำสูงขึ้นกว่านี้ ในช่วงที่เขื่อนเพิ่มการระบายน้ำไปที่อัตรา 2,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งน้ำจะขึ้นสูงและเชี่ยวมาก ตนเองก็คงต้องหยุดการให้บริการข้ามฟากเพื่อความปลอดภัย แต่ก็อดเสียดายรายได้ที่จะเข้ามาต่อวันไม่ได้