นักการเมืองแม่กลองทั้งอดีต-ปัจจุบันตบเท้าร่วมถกปรองดองคึก ‘รังสิมา’ ชี้ เกิดยากหา กกม.บังคับใช้ไม่เท่ากัน

วันที่ 10 มีนาคม 2560 ที่ศูนย์วัฒนธรรมอำเภอเมืองสมุทรสงคราม ได้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองในระดับพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม กลุ่มที่ 1 กลุ่มการเมืองท้องถิ่น เช่น กลุ่มสนับสนุนพรรคการเมือง, กลุ่มทุนทางการเมือง กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นและกลุ่มแกนนำมวลชนทางการเมืองขึ้น โดยมีนายรังสรรค์ ตันเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามเป็นประธานประชุม มี พ.อ.กฤษฎ์ พรมเฮียง รองผู้อำนวยการกอ.รมน.จังหวัด, น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.สมุทรสงคราม, นายพิสิฐ เสือสมิง นายก อบจ.สมุทรสงคราม,พร้อมผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่นทั้งอดีตและปัจจุบัน ทั้งรอบเช้า 9.00-12.00 น. และรอบบ่าย 13.00-16.00 น. ซึ่งเป็นผู้ที่จังหวัด และ กอ.รมน.จังหวัด คัดเลือกเข้าร่วมเวที รวม 20 คน ซึ่งก่อนเข้าประชุม ได้ขอให้ผู้ร่วมประชุมนำโทรศัพท์ เครื่องมือสื่อสารเครื่องบันทึกเสียงใส่ในตะกร้า ที่ใส่ชื่อของแต่ละคน เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและป้องกันไม่ให้มีการเผยแพร่การแสดงความคิดเห็นออกสู่สาธารณชนที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย โดยอนุญาตให้ถ่ายภาพก่อนประชุมเท่านั้นแต่ไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟังอย่างใด

น.ส.รังสิมา ให้สัมภาษณ์ภายหลังออกจากห้องประชุมว่าหากภาครัฐยังไม่ปฏิรูปกฎหมายให้เกิดความเสมอภาค เท่าเทียมกัน หรือยังไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด จะไม่มีทางหาความปรองดองได้ เช่น ใครมีเงินมีอำนาจไม่ต้องเสียภาษี แต่มาเก็บภาษีกับประชาชนหาเช้ากินค่ำมนุษย์เงินเดือน หรือพอผู้มีอำนาจมีความผิดทุจริตคอร์รัปชั่นก็ทำให้หมดอายุความ ไม่มีความผิด แต่ชาวบ้านยากจนขโมยนมให้ลูกกินก็ติดคุก เป็นต้น จะไม่มีทางที่จะปรองดองได้ ดังนั้นหากจะสร้างความปรองดองต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะนักการเมืองข้าราชการ ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชน ประเทศไทยต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น

น.ส.รังสิมา กล่าวว่าตนได้เสนอแนะแนวทางการปฏิรูปไปหลายเรื่อง เช่น ด้านการศึกษาต้องให้ความเสมอภาค ห้ามผู้มีอำนาจฝากเด็กเข้าในโรงเรียน เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เด็กเก่งเรียนดีไม่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนดีๆได้ ดังนั้นเด็กทุกคนต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน

ขณะที่สาระสำคัญในการร่วมพูดคุยปรองดองในด้านการเมือง นักการเมืองต้องผ่านการอบรมและการสอบเพื่อให้มีใบประกอบวิชาชีพ ส่วน กกต. ต้องเข้าไปสอนให้ความรู้ในโรงเรียนให้กับประชาชนตลอดเวลา เพื่อให้ประชาชนรู้ถึงประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่รณรงค์ก่อนการเลือกตั้งเท่านั้น นอกจากนี้ต้องตัดสิทธิสวัสดิการสังคม เช่น ตัดสิทธิบัตร 30 บาท, ตัดสิทธิ์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หรือ ตัดสิทธิสวัสดิการราชการ เป็นต้น ของผู้ที่ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง จนกว่าจะไปใช้สิทธิครั้งต่อไป   และต้องห้ามนักการเมืองช่วยงานใส่ซองวางพวงหรีดต่างๆ เพราะทำให้เงินเดือนไม่พอใช้ต้องมาคอร์รัปชั่นนำเงินไปใช้จ่าย หากไม่ต้องมาช่วยงานก็ทำให้การทุจริตน้อยลง

Advertisement

การปฏิรูปต้องปฏิรูปคนไม่ใช่ปฏิรูปวัตถุ โดยเฉพาะวัดต่างๆที่มุ่งเน้นสร้างศาสนสถานใหญ่ๆ แข่งขันกันใหญ่ แต่ไม่ได้สอนธรรมะให้ประชาชนมีศีลมีธรรม รู้จักหน้าที่ของตนเอง จึงเสนอให้รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดแนวทางปฏิบัติออกมาห้ามก่อสร้างจะเกินความพอดี ให้หันมาปลูกฝังพัฒนาจิตใจคน  ต้องบรรจุการสอนคุณธรรมจริยธรรมใส่ในหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการเพื่อให้นักเรียนได้เรียนในโรงเรียนให้มีคุณธรรมจริยธรรมรู้เท่าทันการโกงของนักการเมือง  ต้องพัฒนาที่คน ไม่ใช่พัฒนาวัตถุ ต้องปลูกฝังตั้งแต่ตอนเด็กตอนนี้ เพื่อหวัง 20 ปีข้างหน้าให้พัฒนาประเทศ นอกจากนี้ต้องพัฒนาการศึกษาให้กับประชาชนมีความรู้จะได้ไม่ถูกหลอก

ด้านสาธารณสุข ควรเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ เช่น แพทย์พยาบาล ต้องเพิ่มให้มากขึ้น เพราะทำงานกับการดูแลคน หากอัตรากำลังเกินก็ควรลดอัตรากำลังของกระทรวงที่ใช้คอมพิวเตอร์อิเล็คทรอนิกส์เข้ามาช่วยได้ มาเพิ่มแทน  นอกจากนี้ก็ขอให้ปฏิรูปทุกกระทรวง ทบวงกรม ยกเลิกระบบช่วยราชการ ให้ตัวกับตำแหน่งต้องตรงกัน ไม่ใช่ตำแหน่งอยู่อีกที่ แต่ตัวไปตามครอบครัวผู้มีอำนาจอยู่อีกที่ ทำให้บางแห่งคนล้นงาน ขณะที่บางแห่ง งานล้นคน ใครจะมาลงตำแหน่งไม่ได้เพราะกรอปตำแหน่งเต็ม จึงทำให้คนทำงานจริงๆขาดแคลนท้อถอยกันหมด

การปฏิรูปภาษีควรไปศึกษาประเทศที่เข้ามีมาตรการป้องกันคนหลบเลี่ยงภาษีเช่นออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ที่มีระบบป้องกันหมดประชาชนไม่มีสิทธิ์หลบเลี่ยงภาษีได้  เพื่อนำกลับมาพัฒนาระบบจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพ นำเงินมาพัฒนาประเทศมากขึ้น

Advertisement

นอกจากนี้ ยังเสนอให้ทุกคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับรัฐทั้งนักการเมืองทุกระดับ รวมทั้งข้าราชการที่บรรจุใหม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินให้ทราบ เพื่อจะได้ทราบว่าเวลาผ่านไปมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติหรือไม่

ทั้งนี้ เวทีปรองดองของจังหวัดสมุทรสงคราม ในกลุ่มที่ 2 กลุ่มนักวิชาการ เช่นนักศึกษา สื่อมวลชน กลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม,กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนและกลุ่มที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง,กลุ่มที่ 3 กลุ่มข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พนักงานรัฐวิสาหกิจ หอการค้าจังหวัด และกลุ่มที่ 4 กลุ่มผู้นำชุมชน ผู้นำจิตวิญญาณ ชาวบ้านทั่วไป กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง กลุ่มคนในท้องถิ่นที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการของรัฐ กลุ่มสาขาอาชีพ จะจัดประชุมวันที่ 14, 16 และวันที่ 17 มี.ค.2560  ซึ่งจังหวัดไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าทำข่าว โดยพอจัดครบทุกเวทีผู้ว่าราชการจังหวัดจะแถลงการณ์ให้ทราบต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image