วันที่ 16 มีนาคม 2560 สถานการณ์ไฟฟ้าขัดข้องในอาคารผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเผยกรณีที่มีกระแสไฟฟ้าขัดข้องในช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้เกิดความล่าช้า ในกระบวนการตรวจค้นร่างกายและสัมภาระเป็นการชั่วคราวจนทำให้ผู้โดยสารตกค้างเป็นจำนวนมาก โดยนายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า จากการที่เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 16 มีนาคม ได้เกิดกระแสไฟฟ้าขัดข้องภายในอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ส่งผลให้ผู้โดยสารได้รับความไม่สะดวกขณะใช้บริการ ทสภ. นั้น
ทสภ. ขอเรียนชี้แจงถึงสาเหตุของกระแสขัดข้องว่ามีสาเหตุจากกรณีกระแสไฟฟ้าที่สถานีจ่ายไฟฟ้าอ่อนนุช ซึ่งเป็นแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าหลักของ ทสภ. เกิดขัดข้อง เมื่อเวลาประมาณ 08.30 น. ทำให้ ทสภ. ต้องสลับมาใช้กระแสไฟฟ้าจากสถานีจ่ายไฟฟ้าหนองจอกและโรงผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น ซึ่งบริหารงานโดย บริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด (District Cooling System and Power Plant Co., Ltd.: DCAP) ทดแทน เป็นเหตุให้กระแสไฟฟ้าภายในอาคารผู้โดยสารเกิดไฟกระพริบ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวระบบไฟฟ้าสำรองฉุกเฉินในบางพื้นที่ได้ทำงานทันที อย่างไรก็ตาม ระบบไฟฟ้าแบบต่อเนื่อง (Uninterruptible Power Supply: UPS) ซึ่งทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับระบบเต้ารับไฟฟ้าสำหรับเครื่องตรวจค้นร่างกาย (Body Scan) ในบริเวณจุดตรวจค้นชั้น 5 โซน 2 เกิดขัดข้อง เจ้าหน้าที่ ทสภ. ได้เข้าดำเนินการแก้ไขเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ระบบไฟฟ้าสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติในเวลาประมาณ 09.00 น.
นายศิโรตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทสภ. ได้ดำเนินการตรวจสอบระบบการให้บริการหลักของท่าอากาศยานในช่วงดังกล่าวพบว่าไม่ได้รับผลกระทบ และไม่พบว่ามีผู้โดยสารตกค้างหรือเที่ยวบินล่าช้าแต่อย่างใด สำหรับระบบการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ในอาคารผู้โดยสาร อาทิ ระบบเช็คอิน ลิฟต์ บันไดเลื่อน ทางเลื่อน ได้รับผลกระทบระยะสั้น โดย ทสภ. ได้เข้าไปดำเนินการแก้ไขเหตุการณ์แล้วเสร็จภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
นายศิโรตม์ กล่าวในตอนท้ายว่า อย่างไรก็ตาม ทสภ. ได้มีมาตรการตรวจเช็คระบบไฟฟ้าตามรอบการบำรุงรักษาเป็นประจำทุกเดือน ทสภ. ต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ และจะเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบระบบไฟฟ้าที่จ่ายให้กับระบบหรืออุปกรณ์ที่ให้บริการผู้โดยสาร ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ให้พร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพให้มากขึ้น รวมทั้งจัดให้มีการฝึกอบรมและทดสอบจำลองสถานการณ์เสมือนจริง เพื่อเสริมทักษะของเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหา ป้องกันการเกิดเหตุซ้ำในอนาคต
