องค์การสวนสัตว์-กก. ร่วมเปิดมิติใหม่ นำสวนสัตว์เป็นจุดขายท่องเที่ยว คาดปีหน้านทท.เพิ่ม10%

วันที่ 31 มีนาคม เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมอาคารสโมสรแพนด้า ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ ได้มีแถลงความร่วมมือการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว และความคืบหน้าการผสมเทียมแพนด้าหลินฮุ่ย ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี รศ.นสพ.ปานเทพ รัตนากร ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์ฯ นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ฯ และนายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ นสพ.ดร.บริพัตร ศิริอรุณรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์และวิจัย องค์การสวนสัตว์ฯ เป็นตัวแทนในการแถลงข่าว
รศ.นสพ.ปานเทพ รัตนากร ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์ฯ กล่าวว่า ในวันนี้องค์การสวนสัตว์ฯ และกระทรวงการท่องเที่ยวฯได้ประชุมหารือกำหนดแนวทางสร้างความร่วมมือระหว่าง 2 องค์กร เน้นเพิ่มมิติของการท่องเที่ยวไทย โดยใช้สวนสัตว์เป็นจุดเพิ่มศักยภาพของการท่องเที่ยว ที่ผ่านมาประเทศไทยมีสวนสัตว์ ซึ่งมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ได้ใช้มาเป็นจุดขาย ครั้งนี้จะเป็นการเปิดมิติใหม่ในการนำสวนสัตว์ไทยที่มีมาส่งเสริมในส่วนของการท่องเที่ยว
“ต่างประเทศเน้นความเป็ยอารยะ ชนในชาติให้ความสำคัญในการดูแลสัตว์ สวนสัตว์ถือเป็นประตูหน้าต่างของการท่องเที่ยว ด้วยภารกิจของกระทรวงท่องเที่ยวฯ การที่ยกเอาสวนสัตว์เข้ามาเป็นจุดขายของการท่องเที่ยวในแผนจะช่วยพัฒนาด้านการตลาดและมาตรฐานสวนสัตว์ทั่วประเทศต่อไป ทั้งนี้จะดำเนินการควบคู่กับงานอนุรักษ์ ซึ่งแม้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่สวนสัตว์จะยึดหลักการดูแลพื้นที่ทรัพยากรตามมาตรฐานของวาซ่าที่เป็นสากลเพื่อให้ได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ หรืออย่างน้อยที่สุดจะยึดบนฐานของการดูแลพื้นที่ในแง่ของแหล่งท่องเที่ยวโดยยึดตามหลักของกรมอุทยานฯเป็นอย่างน้อย” รศ.นสพ.ปานเทพกล่าว
ด้านนายพงษ์ภาณุกล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาถือเป็นปีทองไทย โดยทำลายประวัติศาสตร์ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามากถึงปีละ 32.5 ล้านคน เฉพาะเชียงใหม่เข้ามา 9.6 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นต่างประเทศ 3 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับเชียงใหม่ 8.6 หมื่นล้านบาท คาดการณ์ว่าปีหน้านักท่องเที่ยวน่าจะบวกเพิ่ม 10% กระทรวงได้พิจารณาว่าจะเข้ามาสนับสนุนตรงนี้อย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาประเทศไทยพึ่งพาแหล่งการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แต่แหล่งท่องเที่ยวแบบแมนเมด อาทิ สวนสัตว์ที่เรามีอยู่ก็มีศักยภาพ สิงคโปร์สามารถใช้สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นนี้มาเป็นจุดขายดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯกล่าวอีกว่า โดยแนวทางการส่งเสริมแผนการท่องเที่ยวไทย ประการแรก ได้หารือฝ่ายบริหารว่า เราจะนำสวนสัตว์เข้าบรรจุไปเป็นหนึ่งในแผนบูรณาการสร้างการท่องเที่ยว โยงไปถึงการตั้งงบประมาณและจัดสรรงบบูรณาการ เพื่อทำนุบำรุงผ่านไปทางสวนสัตว์โดยตรง รวมทั้งบูรณาการกลุ่มจังหวัดต่างๆ ประการที่สอง ส่งเสริมด้านตลาดและประชาสัมพันธ์ ด้วยการเชื่อมโยงไปยังสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เชื่อมธุรกิจขอความร่วมมือบริษัทนำเที่ยวที่มีเป็นร้อยๆ บรรจุสวนสัตว์เข้าไปเป็นหนึ่งในโปรแกรมการท่องเที่ยว ซึ่งจะจัดให้มีการประชุมร่วมโดยเร็ว
“และการจัดเทรดโชว์แต่ละครั้งของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะมีการนำแหล่งท่องเที่ยวอย่างสวนสัตว์ออกไปร่วมด้วย อาทิ การจัดงานส่งเสริมการขายตลาดในประเทศและต่างประเทศ อย่างงาน TTM+2017 ที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ เชียงใหม่ จะมีบูธของสวนสัตว์ไปร่วมออกด้วยอย่างแน่นอน เพื่อแสดงโปรดักส์ของตัวเอง และจะมีการทำมาร์เก็ตติ้งออนไลน์ควบคู่ เนื่องจากเทรนด์ของนักท่องเที่ยวที่ใช้มือถือเครื่องเดียวเป็นไกด์นำการเดินทาง ฉะนั้นเว็บไซต์ของ ททท.และแอพพลิเคชั่นของ ททท.จะมีเว็บของสวนสัตว์เป็นหนึ่งในโมดูลนั้น เพื่อให้ข้อมูลสิ่งน่าสนใจแก่นักท่องเที่ยว” นายพงษ์ภาณุกล่าว และว่า ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะจัดขึ้น อาทิ ในปี 2562 เราจะมีการจัดกีฬามหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่ จะมีวิ่งมาราธอน และกิจกรรมการกีฬา และการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปยังสวนสัตว์ด้วย
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image