เมื่อวันที่ 13 กันยายน มีรายงานว่า ในโซเชียลมีเดียมีการส่งต่อเอกสารการร้องเรียน ขอความเป็นธรรม ต่อ พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 จากกลุ่มข้าราชการตำรวจ สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ พ.ต.อ.พฤกษ์ เลี้ยงสุข ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
หลังจากเมื่อวานนี้ ตำรวจชั้นประทวน สภ.ทุ่งยางแดง จำนวน 25 นายได้รวมตัวกันเดินทางไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ กอ.รมน.ภาค 4 และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อยื่นหนังสือถึงแม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 และนายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ ผอ.ศอ.บต. ให้ดำเนินการกับ พ.ต.อ.พฤกษ์ เลี้ยงสุข ผกก.สภ.ทุ่งยางแดง
หนังสือดังกล่าวระบุใจความว่า มีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้กลุ่มข้าราชการตำรวจ สภ.ทุ่งยางแดง ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ของ พ.ต.อ.พฤกษ์ มีการใช้อำนาจโดยมิชอบ สร้างเงื่อนไขต่อกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกล่าวหามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม 7 ข้อ คือ
1.มีการลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายทุบตี ตบหน้า เตะต่อย ผู้ใต้บังคับบัญชาตั้งแต่ระดับชั้นสัญญาบัตรลงมา จนถึงชั้นประทวนในขณะปฏิบัติหน้าที่ต่อหน้าธารกำนัล
2.มีการพูดถากถางดูหมิ่นผู้ใต้บังคับบัญชาที่นับถือศาสนาอิสลาม ในการปฏิบัติศาสนกิจ ของกำลังพล ซึ่งสร้างความไม่พอใจและเป็นการไม่ให้เกียรติ
3.มีการด่าทอผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งเป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า และมีการด่าทอบุพการีอยู่เป็นประจำ
4.มีการใช้งานผู้ใต้บังคับบัญชาตรากตรำเกินไป โดยไม่มีวันหยุดให้พักผ่อน สร้างความเหนื่อยล้า และตึงเครียดให้กับกำลังพลเป็นอย่างมาก
5.ผกก.ไม่เคยรับฟังปัญหาหรือเหตุผลของผู้ใต้บังคับบัญชา และทำโทษด้วยการเข้าเวรยามท่ามกลางแดดกลางฝน และหมอบคลานกลิ้งมวนหน้า
6.ใช้อำนาจโดยไม่เป็นธรรมเมื่อจะใช้งานผู้ใต้บังคับบัญชา ก็เรียกมาใช้งาน เมื่อไม่พอใจหรือเสร็จงาน ก็ไล่ผู้ใต้บังคับบัญชาเหมือนไม่ใช่มนุษย์
7.ในการปฏิบัติหน้าที่ของ ผกก. ชอบมีปากเสียงและเชิงข่มขู่กับประชาชน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ซึ่งสร้างความไม่พอใจและรวมตัวกันประท้วง
โดยหนังสื่อร้องเรียนทั้ง 7 ข้อ กลุ่มข้าราชการตำรวจ ชั้นยศ ส.ต.ต.-ส.ต.ท.ยังได้เซ็นชื่อกำกับไว้เพื่อยืนยันว่าหนังสือฉบับดังกล่าวเป็นความจริงและยังร้องขอหวังว่าทางผู้บังคับบัญชาจะลงมาแก้ปัญหากับเรื่องที่เกิดขึ้น
ความคืบหน้าล่าสุด ช่วงสายของวันที่ 13 กันยายน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.ทุ่งยางแดง ซึ่งอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองปัตตานีราวกว่า 60 กิโลเมตร บรรยากาศที่ สภ.ทุ่งยางแดง พบว่าเงียบเหงา ข้าราชการตำรวจบางนายยังคงปฏิบัติหน้าที่เป็นปกติ บางนายแยกนั่งเป็นกลุ่ม และหลายนายได้เกาะกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขณะที่ตำรวจระดับสัญญาบัตรบางนายหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
ขณะที่ พ.ต.อ.พฤกษ์ เลี้ยงสุข ผกก.สภ.ทุ่งยางแดง ที่ถูกร้องเรียนไม่อยู่ที่โรงพัก สอบถามเจ้าหน้าที่แจ้งว่าอยู่ในระหว่างลาพัก โดยมี พ.ต.ท.นริศ กะแจ รอง ผกก.ป้องกันปราบปราม รักษาราชการแทน เมื่อสอบถาม พ.ต.ท.นริศระบุว่า ปัญหาดังกล่าวตนไม่สามารถให้ข่าวได้ และไม่ทราบข้อเท็จจริง เกรงว่าเมื่อให้ไปแล้วจะเกิดผลกระทบในวงกว้าง จึงอยากให้ ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ให้ข้อมูล
ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นปัญหาที่ตนทราบมาก่อนแล้ว ซึ่งก็ได้มีการแก้ปัญหาในระดับต้น เป็นปัญหาระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา ข้อเท็จจริงตนจะเข้าไปตรวจสอบด้วยตนเอง ส่วนที่ตำรวจที่ทำหนังสื่อร้องเรียนไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ปรากฏอยู่ในโซเซียลนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ ส่วนตนก็จะตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน โดยล่าสุดก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว โดยวันนี้จะเดินทางไป สภ.ทุ่งยางแดง เพื่อเรียกประชุมตำรวจทุกนายให้ชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวใน สภ.ทุ่งยางแดง ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในโรงพักกว่า 70 คน รับรู้ในพฤติกรรมของ ผกก.คนดังกล่าว โดยมักแสดงพฤติกรรม ตามที่ระบุในหนังสือร้องเรียนเป็นประจำ โดยทำตั้งแต่ย้ายมาเป็น ผกก.ได้ปีกว่า ตำรวจในโรงพักและประชาชนในพื้นที่ระอากับพฤติกรรมเช่นนี้ เมื่อ 3 เดือนก่อนเคยพยายามเข้าพบผู้บังคับบัญชาเพื่อร้องเรียน แต่ถูกปฏิเสธการเข้าพบ จึงส่งหนังสือร้องเรียน ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรม ผกก.คนนี้ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ในขณะนั้น) และผอ.ศอ.บต โดยส่งเอกสารไปยังสถานที่ต่างๆ ร้องเรียนพฤติกรรม 13 ข้อ ร่วมถึงสำนักงานจเรตำรวจด้วย ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน แต่เรื่องเงียบ จึงเข้าร้องทุกข์ต่อแม่ทัพภาค 4
นอกจากนี้ในโซเชียลมีเดียมีการแพร่คลิปภาพและคลิปเสียง บทสนทนา ของ ผกก.คนนี้กับผู้ใต้บังคับบัญชา และประชาชน ในลักษณะข่มขู่ โดยพูด กู -มึง ด่าทอหยาบคาย ใช้คำตัวเองใหญ่ที่สุดในโรงพักแห่งนี้
