กระทิงตัวใหญ่ถูกยิงที่วังน้ำเขียว ตำรวจให้น้ำหนักชาวบ้านในพื้นที่ยิง ด้านนักอนุรักษ์เผยการเผชิญหน้ากระทิง-ชาวบ้านเพิ่มขึ้นทุกปี ระบุเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ กระทรวงทรัพย์ต้องลงมาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีมีกระทิงเพศผู้ตัวใหญ่ อายุประมาณ 10-12 ปี น้ำหนักกว่า 1,200 กิโลกรัม ถูกยิงด้วยปืนลูกซองเสียชีวิตอยู่กลางไร่มันสำปะหลัง บริเวณด้านหลังวัดป่าสังฆทาน บ้านท่าวังไทร หมู่ 2 ตำบลวังหมี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลานตรวจพบเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน โดยคาดว่ากระทิงจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4 วัน เนื่องจากซากเริ่มส่งกลิ่นเหม็นแล้ว
ล่าสุด วันที่ 10 พฤศจิกายน 2560 พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรหม ผกก.สภ.วังน้ำเขียว เปิดเผยว่า จากการสอบถามชาวบ้านผู้ดูแลไร่ที่เกิดเหตุไม่พบสิ่งต้องสงสัยอะไร ส่วนแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะนี้ ได้จัดกำลังลงพื้นที่ตรวจค้นรอบๆ พื้นที่ไร่ข้างเคียง และเข้าไปสอบถามชาวบ้าน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังให้น้ำหนักไปที่ประเด็นชาวบ้านเป็นคนยิง เพราะถ้าเป็นนายพรานล่าสัตว์จะต้องตามไปที่ซากกระทิงเพื่อแล่เนื้อหรือตัดเขาไปขาย ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังไม่ทิ้งประเด็นอื่นๆ ส่วนแนวทางการแก้ปัญหา เบื้องต้นก็จะร่วมมือกับอุทยานแห่งชาติทับลานจัดอบรมให้ความรู้ความเข้าใจกับชาวบ้านเรื่องการอนุรักษ์สัตว์ป่าหายาก โดยเฉพาะกระทิง ซึ่ง อ.วังน้ำเขียวถือว่าเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของกระทิงฝูงใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ด้านนายบริพัตร สุนทร ผู้ประสานงานกลุ่มอนุรักษ์เขาแผงม้า เปิดเผยว่า กรณีกระทิงถูกยิงครั้งนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว โดยเมื่อ 3-4 ปีก่อนหน้านั้นจะมีกระทิงถูกยิงประมาณปีละ 1-2 ตัวเท่านั้น แต่มาช่วงหลังๆ เริ่มมีเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 4-5 ตัว ทั้งนี้ เนื่องจากภูมิประเทศที่มีชาวบ้านทำไร่อยู่รอบบริเวณป่าอุทยานฯมากขึ้น และการเพิ่มขึ้นของประชากรกระทิง ทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างชาวบ้านกับกระทิงมีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ไม่มีมาตรการแก้ปัญหาที่ดีพอ เมื่อกระทิงเพิ่มจำนวนขึ้นตามธรรมชาติของกระทิง ก็จะมีบางตัวที่ถูกขับออกจากฝูง แยกตัวออกมาเป็นกระทิงโทน จึงต้องหาพื้นที่ครอบครองใหม่ เพราะที่เดิมมีเจ้าถิ่นแล้ว ดังนั้น ที่ใหม่ก็คงจะเป็นไร่มันสำปะหลังหรือไร่ข้าวโพด ซึ่งเป็นอาหารโปรดของกระทิง ทำให้ไร่เสียหาย ชาวบ้านจึงไม่พอใจ และเกิดการเผชิญหน้าจนต้องมีการขับไล่ด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งต้องเห็นใจคนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ด้วย ดังนั้น ปัญหานี้ต้องแก้ไขในระดับกระทรวง ถึงจะแก้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
