ตรังปล่อยม้าน้ำมากที่สุดในประเทศรวม 1,900 ตัว หวังสร้างสมดุล-อนุรักษ์สายพันธุ์

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บริเวณท่าเทียบเรือบ้านแหลมไทร ต.เขาไม้แก้ว อ.สิเกา จ.ตรัง ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งจังหวัดตรัง กรมประมง ร่วมกับอำเภอสิเกา ประมงอำเภอสิเกา และชาวบ้านในพื้นที่บ้านแหลมไทร เพื่อทำการปล่อยพันธุ์ม้าน้ำสายพันธุ์ม้าน้ำดำและม้าน้ำหนามจำนวน 1,900 ตัว ในโครงการปล่อยม้าน้ำสู่ธรรมชาติเพื่อการอนุรักษ์ในแหล่งหญ้าทะเลด้วยการลงเรือประมงของชาวบ้านจากท่าเทียบเรือไปยังกลางทะเล ซึ่งมีระยะทางห่างจากฝั่งประมาณ 500 เมตร

การปล่อยม้าน้ำสู่ธรรมชาติเพื่อการอนุรักษ์ในแหล่งหญ้าทะเล สำหรับม้าน้ำดำและม้าน้ำหนาม มีอายุประมาณ 1 ปี เป็นการปล่อยพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ โดยมีหลายขนาดดังนี้ ม้าน้ำหนาม ขนาด 10-12 เซนติเมตร จำนวน 150 ตัว ม้าน้ำดำ ขนาด 15-18 เซนติเมตร จำนวน150 ตัว ม้าน้ำวัยรุ่น ม้าน้ำหนาม ขนาด 6-12 เซนติเมตร จำนวน 300 ตัว ม้าน้ำดำ ขนาด 6-12 เซนติเมตร จำนวน 500 ตัว และลูกม้าน้ำดำ ขนาด 2 เซนติเมตร จำนวน 800 ตัว ทั้งนี้ ระยะการวางไข่ของม้าน้ำ ใน 1 เดือน ระยะเวลา 15 วัน จะวางไข่ 1 รอบ

นายเจษฎา ถังมณี เจ้าหน้าที่ประมงปฏิบัติงาน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง จ.ตรัง กล่าวว่า ม้าน้ำที่ปล่อยวันนี้ 1,900 ตัว เป็นพ่อ-แม่พันธุ์ 300 ตัว ที่เหลือเป็นม้าน้ำวัยรุ่นและลูกม้าน้ำ นับเป็นการปล่อยครั้งแรกที่มากที่สุดในประเทศ โดยที่นี่เป็นชุมชนเข้มแข็งและมีแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ โดยมีการปล่อยทั้งม้าน้ำหนามและม้าน้ำดำอายุตั้งแต่ 3 เดือนจนถึง 1 ปี

“ปัจจุบันม้าน้ำเป็นปลาที่นิยมทำเป็นยาจีนตามตำราการแพทย์แบบจีน ด้วยเชื่อว่าบำรุงกำลังและเสริมสมรรถนะทางเพศ โดยจะนำไปตากแห้งและชั่งน้ำหนักขาย ทำให้ม้าน้ำทั่วโลกในปีหนึ่งๆ ถูกจับเป็นจำนวนมากเพื่อการนี้ และยังถูกนำไปทำเป็นเครื่องประดับอีก จนทำให้เป็นสัตว์หายากและใกล้สูญพันธุ์ในบางชนิด ทำให้ทางกลุ่มอนุรักษ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชาวบ้านในพื้นที่ต้องช่วยกันอนุรักษ์ เพื่อให้คงอยู่คู่ท้องทะเลตรังต่อไปสู่อนาคต ซึ่งเมื่อปล่อยคืนสู่ทะเลแล้ว ชาวบ้านต่างเฝ้าดูม้าน้ำดำดิ่งลงสู่แหล่งหญ้าทะเลด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับรับปากจะช่วยกันดูแลแหล่งอนุรักษ์ม้าน้ำแหล่งใหญ่ที่สุดในประเทศให้คงอยู่สืบไป” นายเจษฎากล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image