‘เชิดชูเกียรติ-เรียบง่าย-อบอุ่น’ ธีมหลักอำลาฮานอยเกมส์
มหกรรมกีฬา ซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม ดำเนินมาใกล้ถึงบทสรุปในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้แล้ว ไฮไลต์ส่งท้ายที่หลายคนจับตามองคือพิธีปิดการแข่งขัน
เจ้าภาพ เวียดนาม กำหนดสถานที่จัดพิธีปิดการแข่งขันต่างจากตอนพิธีเปิด โดยจากที่พิธีเปิดใช้สนามกีฬาใช้มีดิ่ง สเตเดียม กรุงฮานอย ความจุกว่า 40,000 ที่นั่ง ให้สมกับการต้อนรับอันยิ่งใหญ่อลังการ เมื่อถึงพิธีปิดซึ่งเน้นที่การส่งมิตรประเทศกลับบ้านอย่างอบอุ่น หลังจากกรำศึกกันมายาวนานร่วม 2 สัปดาห์ จึงหันไปใช้ศูนย์กรีฑาในร่ม ก่วน เหงือ พาเลซ ออฟ แอธเลติกส์ กรุงฮานอย ความจุ 5,500 ที่นั่งแทน
ฝ่ายจัดการแข่งขันเผยว่า เพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและอบอุ่น พิธีปิดจะไม่ใช้เทคโนโลยีอลังการเท่ากับตอนพิธีเปิด แต่ก็ยังคงเน้นการแสดงแสงสีเสียง โดยเวทีมีพื้นที่ 611 ตารางเมตร, จอแอลอีดีขนาด 580 ตารางเมตร และมีเวทีรองขนาด 315 ตารางเมตรทางด้านข้างของเวทีหลัก เพื่อแสดงเอฟเฟกต์ต่างๆ
ฮวง คอง ควง ผู้กำกับพิธีเปิดการแข่งขัน กล่าวว่า การจัดพิธีปิดในพื้นที่อินดอร์เพื่อสื่อถึงความอบอุ่น ใกล้ชิด เป็นกลุ่มก้อน จะไม่ใช่เวทีการแสดงแสนยานุภาพ หรือโอ้อวดความยิ่งใหญ่ในด้านต่างๆ ของเจ้าภาพ แต่เป็นการเลี้ยงส่งและอำลาคณะนักกีฬาจากประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 10 ชาติด้วยความจริงใจ อีกทั้งยังสื่อถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและสมัครสมานสามัคคีของภูมิภาคอาเซียน
ผู้กำกับฮวงเผยว่า ช่วงต้นของพิธีเปิด ทัพนักกีฬาชาติต่างๆ ที่ยังไม่ได้เดินทางกลับ จะนั่งรวมกันบนอัฒจันทร์เพื่อชมประมวลภาพการแข่งขันตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้าย ทั้งช่วงเวลาแห่งความยินดีและผิดหวัง หยาดเหงื่อ เลือด น้ำตา รอยยิ้ม และมิตรภาพที่สวยงาม
ธีมหลักในช่วงนี้ยังเป็นการเชิดชูเกียรตินักกีฬาที่เข้าร่วมแข่งขันและประสบความสำเร็จในฐานะ “นักรบ” ตัวแทนของประเทศบนเวทีกีฬาระดับนานาชาติ
ในส่วนของชุดการแสดง มีธีมหลักเป็นการถ่ายทอดภาพของกรุงฮานอยจากอดีตถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ยังใช้ชื่อ “ทังลอง” ดินแดนเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงามทั้งภูเขาและแม่น้ำ สู่เมืองหลวงแห่งความสงบ เกียรติยศ และความเจริญ เป็นฮานอยยุคใหม่เพื่อก้าวสู่อนาคต
นอกจากนี้ยังมีการแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านทั้งของเวียดนามและภูมิภาคอาเซียน และการขับร้องเพลงของศิลปินดังของเวียดนาม เน้นที่บทเพลงสื่อสารถึงธรรมชาติที่สวยงามของฮานอย โดยขณะที่นักกีฬาเข้าไปในสนาม นักแสดง 100 คน จะสวมชุดพื้นเมืองของชาวกิงบั๊ก นำผลหมากและปีกนกฟีนิกซ์ไปมอบให้กับนักกีฬาชาติต่างๆ เพื่อแทนคำลา
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือพิธีส่งมอบธงประจำการแข่งขันซีเกมส์จากเวียดนาม เจ้าภาพครั้งที่ 31 สู่กัมพูชา เจ้าภาพครั้งที่ 32 ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพครั้งแรกในปีหน้า โดยทางกัมพูชาจัดชุดการแสดงที่กินเวลา 11 นาที เพื่อทำพิธีรับธงอย่างสมเกียรติ
ชุดการแสดงของกัมพูชาจะสื่อถึงประวัติศาสตร์เก่าแก่ของนครวัดและศิลปะพื้นเมืองและศิลปะร่วมสมัย อาทิ ราชบัลเลต์แห่งกัมพูชา เป็นการร่ายรำที่สร้างขึ้นจากการร่ายรำแบบดั้งเดิมของเขมรในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระนโรดมสีหนุ, การเต้นรำแบบร่วมสมัย, การเป่าแตรพื้นบ้าน และอีกมากมาย โดยมีธีมหลักที่การผสมผสานความผูกพันของมิตรภาพระหว่างนักกีฬาชาติต่างๆ และการตั้งตารอการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง
สำหรับพิธีปิดการแข่งขันจะใช้นักแสดงและทีมงานราว 400 คน ซึ่งเป็นสเกลที่ต่ำกว่าพิธีเปิดมาก เพื่อยึดหลักความเรียบง่าย อบอุ่น ผูกพัน และมิตรภาพที่เกิดขึ้นหลังการแข่งขันโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ
จนกว่าจะพบกันใหม่ในปีหน้า
