กรณีชาวอำเภอพิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ไม่พอใจผู้บริหารเทศบาลเมืองพิบูลมังสาหารประมูลขายทอดตลาดรถดับเพลิงโบราณ 2 คัน ที่มีประวัติศาสตร์และคุณค่าทางจิตใจ ซึ่งได้ตั้งโชว์ไว้ที่หน้าอาคารคุณหญิงงพันธุ์สวลี กิติยากร ด้านหน้าห้องนายกเทศมนตรีเมืองพิบูลมังสาหาร ตอบเฟซบุ๊กชัดเจนว่า “ได้เรียนท่านผู้บริหารท่านบอกว่า รถเก่าๆมีเยอะจะเอาอีกกี่คัน ที่ขายรถเก่าเพราะโหงวเฮ้งไม่ดีและจะเอาเงินที่ขายได้มาปั้นรูปช้างตัวใหญ่ๆเผื่อไว้เหยียบปากคนที่คิดไม่ดีกับบ้านเมืองค่ะ”
เมื่อวันที่ 8 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเทศบาลเมืองพิบูลมังสาหารได้จัดประมูลขายทอดตลาดวัสดุครุภัณฑ์ที่ชำรุดเสื่อมสภาพของเทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร จำนวน 62 รายการ โดยวิธีประมูลด้วยวาจา (ปากเปล่า) เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งในจำนวน 62 รายการนั้น มีรถดับเพลิง 2 คัน ซึ่งได้ตั้งโชว์ไว้ที่หน้าอาคารคุณหญิงพันธุ์สวลี กิตติยากร ถูกนำมาประมูลในราคาคันละ 190,000 บาท หลังจากที่มีข่าวการประมูลรถดับเพลิงดังกล่าว ปรากฏว่า เกิดกระแสดราม่าตามโซเชียลจากชาวอำเภอพิบูลมังสาหาร ไม่พอใจผู้บริหารเทศบาลที่นำรถดับเพลิงโบราณ 2 คันมาประมูลขายทอดตลาด
นางทัศนีย์ บุญประสิทธิ์ ชาวอำเภอพิบูลมังสาหาร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่ากราบเรียนผู้บริหารเทศบาล (จะผ่านใครก็แล้วแต่) เรื่องการขายรถดับเพลิงเก่าที่ท่านได้นำมาตั้งโชว์เป็นแลนด์มาร์ก เป็นอนุสาวรีย์ที่หน้าอาคารหอประชุมคุณหญิงพันธุ์สวลี กิตติยากร และประชาชนได้แสดงความชื่นชมมา 3-4 ปีนั้น ดิฉันทราบดีว่าท่านขายรถดับเพลิงทั้ง 2 คันภายใต้ระเบียบพัสดุครุภัณฑ์ไม่มีอะไรผิดระเบียบผิดกฎหมาย ซึ่งนั่นไม่ใช่คำถามที่ประชาชนต้องการถาม เพราะมันไม่ตรงประเด็นสำหรับคำถามตัวโตๆ คือขายทำไม, ขายเพื่ออะไร, ยกเลิกการขายได้หรือไม่,ตรงนี้ที่ต้องการคำตอบ
“หลังจากได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กออกไป ได้มีนางสาวศุภัคนิภา คำประไพ ทำหน้าที่หน้าห้องนายไพศาล ปีตาภา นายกเทศมนตรีเมืองพิบูลมังสาหาร ได้โพสต์ข้อความตอบกลับมาว่า ได้เรียนท่านผู้บริหารท่านบอกว่า รถเก่าๆ มีเยอะ จะเอาอีกกี่คัน ที่ขายรถเก่าเพราะโหงวเฮ้งไม่ดี และจะเอาเงินที่ขายได้มาปั้นรูปช้างตัวใหญ่ๆ เผื่อไว้เหยียบปากคนที่คิดไม่ดีกับบ้านเมืองค่ะ
“วันนี้มีประชาชนมาจากต่างจังหวัดรู้ข่าวว่ามีรถดับเพลิงโบราณที่จะขายทอดตลาด ก่อนที่ผู้ที่ประมูลได้จะทำการเคลื่อนย้ายรถออกไป จึงพากันมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก เพราะรถดับเพลิงทั้ง 2 คันมันมีเรื่องราว เรื่องของประวัติศาสตร์ เมื่อไม่เห็นคุณค่าของสิ่งนี้ก็ต้องถูกขายออกไป ปัจจุบันในทุกท้องถิ่นมีการส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวน่าจะนำรถดับเพลิงทั้ง 2 คันขึ้นมาชูเป็นจุดขายได้ แต่ถ้าคุณไม่เห็นคุณค่ามันก็สุดแล้วแต่ ไม่รู้จะว่ายังไง” นางทัศนีย์กล่าว
