‘ชลันตี’ ขู่ฟ้องนักสืบโซเชียล อ้างเปิดหลักฐานจบม.ดังสหรัฐไม่ได้ เหตุเป็น ‘พยาน’ศาลมะกัน

กรณีเกิดกระแสดราม่า “#ประวัตินักเขียนUN” อยู่ในกระทู้พันทิปโดยตั้งข้อสงสัยว่าประวัติของ “ชลันตี” นักเขียนเจ้าของนวนิยายดัง “ผู้หญิงขายไข่” เกินจริงหรือไม่ทั้งเรื่องจบมหาวิทยาลัยระดับไอวีลีคของอเมริกา อาทิ มหาวิทยาลัยเยล มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา, ได้รับจองตัวตั้งแต่ฝึกงานและเมื่อจบทำงานที่ UN OHCHR สาขานิวยอร์ก, เคยทำวิจัยเรื่อง Egg Donor ระหว่างเรียนที่มหาวิทยาลัยเยลซึ่งเป็นที่มาของนวนิยายผู้หญิงขายไข่ รวมถึงเคยปฏิบัติภารกิจลับในโซนสงครามอิรัก เป็นต้น โดยกระทู้พันทิปกระทู้แรกปลิวไป จึงมีการตั้งกระทู้พันทิปเป็นกระทู้ที่ 2 เพื่อโต้กลับสิ่งที่นักเขียนชี้แจงที่เฟซบุ๊กส่วนตัว และล่าสุดทางสำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ต้นสังกัด ได้ออกแถลงการณ์ จะยุติการเผยแพร่ข่าวสารกิจกรรมและบทสัมภาษณ์ของนักเขียนทุกช่องทางการสื่อสารของบริษัท จนกว่าจะปรากฏข้อเท็จจริงให้แก่นักอ่านนั้น

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม รายงานข่าวแจ้งว่า “ชลันตี” ได้โพสต์ชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านเพจ “ชลันตี” โดยสรุปความได้ว่าเนื่องจากติดเป็นพยานในคดีของศาลอเมริกาทำให้ไม่สามารถเปิดเผยหลักฐานต่างๆ ต่อสาธารณชนได้  จึงขอเลือกที่จะแสดงหลักฐานต่างๆ ทั้งประวัติการศึกษา หลักฐานที่ใช้อ้างอิงในการเขียนนิยาย เช่น การทำวิจัยผู้หญิงขายไข่ ฯลฯ ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยได้ไปลงบันทึกประจำวันระบุรายละเอียดเอกสารทั้งหมดและได้โชว์สำเนาเอกสารหลักฐานทั้งหมดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีทนายเป็นพยาน และในบันทึกประจำวัน ได้ระบุชื่อและหลักฐานของบุคคลที่ละเมิดและหมิ่นประมาท ซึ่งได้แคปรายละเอียดเก็บไว้ทั้งหมด เผื่อว่าเมื่อคดีความทางสหรัฐฯ และคำสั่งห้ามของศาลสหรัฐฯ สิ้นสุด จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับกลุ่มคนเหล่านี้ต่อไป ก็สามารถดำเนินการต่อเนื่องได้เลย ทั้งนี้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

สวัสดีค่ะ

ก่อนอื่นเบลต้องขออภัยที่ออกมาชี้แจงในเรื่องที่เกิดขึ้นล่าช้า เนื่องจากตอนที่เกิดเหตุวันแรก เบลอยู่ต่างประเทศ มีกำหนดกลับช่วงปลายเดือนกันยา ในขณะเดียวกันก็ต้องรวบรวมหลักฐาน และคิดว่าคงเป็นการดีกว่า หากส่งหลักฐานให้หน่วยงานที่เป็นกลางและยุติธรรมคือเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้อง

Advertisement

โดยเอกสารหลักจะประกอบด้วย : (แสดงเอกสารต้นฉบับ พร้อมสำเนาหนึ่งชุดมอบให้กับจนท.ตำรวจ ในเบื้องต้นถูกตรวจสอบด้วยทนายซึ่งมีใบประกอบวิชาชีพตามกฎหมายไทย)

1. ใบจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Yale และ Columbia, บัตรประจำตัวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

2. เอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับการถือสัญชาติอเมริกัน

Advertisement

3. เอกสารตำแหน่งงาน อดีต “เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ” ปฏิบัติงานในตำแหน่งนักสิทธิมนุษยชน, ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม (กรณีพิเศษ) ขณะปฏิบัติงานในเขต War Zone (เจาะจงพิเศษอิรัก) ซึ่งเบลเคยทำงานด้วยและได้ลาออกในปี 2017

4. เอกสารข้อมูลประกอบการเขียน “ผู้หญิงขายไข่” เอกสารจากสถาบันวิจัยลงวันที่ปี 2008-2010 และระบุตำแหน่งงานในเวลานั้นคือ Case Coordinator เช่น ได้กล่าวอ้างไว้ในคำนำของหนังสือ รวมถึงเอกสารสำหรับเขียนนวนิยายเล่มอื่นๆ

5. เอกสารทางการแพทย์เกี่ยวกับ “โรคทางพันธุกรรมแต่กำเนิด ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้” และมีโรค “เกี่ยวกับเลือด” ซึ่งมีผลให้ “ขาดคุณสมบัติของผู้ที่จะสามารถทำการขายไข่” รวมถึงประวัติการรักษาโรคประจำตัว ประวัติการทำ IVF (เด็กหลอดแก้ว) เพื่อวางแผนการมีบุตรของตนเอง ใบรับรองจากแพทย์

6. เอกสารบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ประจำ กองทุนต่าง ๆ ทั้งของไทยและอเมริกา หลักฐานการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์กเมื่อปลายปี 2017 หลักฐานจ่ายภาษีทั้งสองประเทศ รวมถึงหลักฐานทางบัญชีธนาคารอื่น ๆ ที่ใช้ในการรับเงินต่างประเทศตลอดระยะเวลา 8+ ปีที่ผ่านมา ทุกยอดเงินรับเข้า เบลได้ชี้แจงแหล่งที่มาและได้รายงานต่อ ปปง. ครบถ้วน

7.หลักฐานหน้าจอ “ตัวเต็ม” ของการสนทนาทางแอพพลิเคชันระหว่างเบลและบุคคลผู้หนึ่ง ซึ่งถูกบุคคลในเฟซบุ๊กนำไปบิดเบือน และใช้อ้างเป็นหลักฐานว่า เบลมีอาชีพขายไข่ โดยหลักฐานดังกล่าวผู้กระทำเจตนาตัดเอาเฉพาะช่วงประโยคเพื่อบิดเบือนให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งที่เนื้อหาการสนทนาจริงนั้น เป็นการพูดคุยถึงการวางแผนมีบุตรของเบลด้วยวิธี IVF แทรกด้วยข้อมูลบอกเล่าถึงอาชีพขายไข่ ซึ่งเคยทำงานในตำแหน่ง Case Coordinator

8.หลักฐานหน้าจอ “ตัวเต็ม” ของการสนทนาทางแอพพลิเคชั่นระหว่างเบลและบุคคลผู้หนึ่ง เกี่ยวข้องกับเรื่องออแพร์ (อาชีพพี่เลี้ยงเด็กในต่างประเทศ) ซึ่งถูกบุคคลในเฟซบุ๊กนำไปบิดเบือน และใช้อ้างเป็นหลักฐาน

9.เอกสารการประกอบกิจการเนอสเซอรี่ ซึ่งเป็นกิจการครอบครัว เปิดทำการในปี 2544 จดทะเบียนเป็นศูนย์ฝึกนักเรียนบริบาล และจดทะเบียนเพิ่มเติมเพื่อเป็นศูนย์รับฝึกออแพร์อย่างเป็นทางการปี 2547 ได้รับรางวัลพระราชทานจากพระองค์โสมสวลีฯ ร่วมทุนกับต่างชาติตั้งแต่ปี 2559 ได้รับโล่รางวัลล่าสุดจากพลเอก พิจิตร เมื่อเดือนมกราคม 2560

10.ประวัติการเดินทาง การอยู่อาศัยในประเทศสหรัฐอเมริกา และประวัติทางการแพทย์ ซึ่งเบลเคยแจ้งว่าได้ไปรับการรักษาและผ่าตัดที่สหรัฐอเมริกาในเดือน เมษายน-พฤษภาคม 2018

11. “คำสั่งศาลของประเทศสหรัฐอเมริกา” เลขคดี (ไม่สามารถเปิดเผย) โดยผู้พิพากษา (ไม่สามารถเปิดเผย) ออกในปี 2017 สำหรับคดีความ (ไม่สามารถเปิดเผย) ที่เบลถูกกันตัวไว้ในฐานะพยาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับงานของเบลในช่วงเวลานั้น

สาระของคำสั่งศาลส่วนที่สำคัญที่สุดคือ “ในช่วงที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ห้ามไม่ให้เปิดเผย
: [Any and all information background including education, immigration, employment, civil, records, references, criminal records, credit history, license and more] ไม่อนุญาตให้เปิดเผยเนื้อหาและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเอกสารตามรายละเอียดในวงเล็บต่อบุคคลที่สามหรือสาธารณะ” ดังนั้นเอกสารต้นฉบับทุกชนิด ถูกเรียกคืนและเก็บรักษาไว้ รวมถึงมีการ cover ทุกสิ่งตามคำสั่งศาล

ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ เบลต้องทำการปรึกษาทนายทางสหรัฐอเมริกาก่อน เนื่องจากรู้ถึงความสำคัญของคดีความที่ดำเนินอยู่ อีกทั้งตัวเบลเองถูกควบคุมและจำกัดสิทธิไว้หลายด้าน จึงต้องป้องกันไม่ให้กระทำการใดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือละเมิดคำสั่งศาลของประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้ให้ทนายที่อเมริกายื่นเรื่องต่อศาล ขออนุญาตเปิดเผยข้อมูลในส่วนที่เป็นประวัติส่วนตัวของตนเอง ให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐในประเทศไทย เพื่อแจ้งความดำเนินคดีเฉพาะในส่วนที่โดนล่วงละเมิดหรือหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง และศาลได้ยอมคืนเอกสารตัวจริงมาให้ชั่วคราว พร้อมทั้งสำเนาหนึ่งชุด ภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัดคือ

1. ให้ส่งคืนเอกสารต้นฉบับกลับคืนให้ศาลทันทีที่เสร็จกระบวนการตรวจพิสูจน์เทียบต้นฉบับและสำเนาโดยเจ้าหน้าที่ทางกฎหมายของไทย และส่งมอบสำเนาให้เจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน

2. ไม่อนุญาตให้แสดงเอกสารทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะศาลได้ให้ความเห็นว่า การยืดหยุ่นให้เราเท่านี้นั้นเพียงพอแล้วสำหรับการแก้ต่างเพื่อชื่อเสียงของตนเองในส่วนประเด็นของประวัติการศึกษาและการทำงาน เพราะหากแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน ให้เป็นตัวแทนยืนยันหลักฐานที่หนาแน่นขนาดนี้ได้ นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของเขาที่ต้องมาแบกรับความเสี่ยงจนอาจเสียรูปคดีใหญ่

3. ไม่ให้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน อนุญาตให้กระทำได้เพียงผ่านเฟซบุ๊กของตนเองเท่านั้น โดยจะต้องไม่เปิดเผยภาพเอกสารส่วนหนึ่งส่วนใดที่ศาลได้มอบคืนมาให้ รวมทั้งไม่ให้เอ่ยถึงรายละเอียดของคดีความใด ๆ ในสหรัฐฯ ตามที่ได้ระบุไว้ในคำสั่งห้ามของศาลโดยละเอียด

4. ก่อนที่คดีความในสหรัฐฯ จะสิ้นสุด ห้ามไม่ให้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายในประเทศไทยอันสืบเนื่องจากเหตุการณ์นี้ เนื่องจากขั้นตอนการสืบสวนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพาดพิงถึงรายละเอียดของประวัติและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐฯ และกระทบไปถึงคดีความที่ดำเนินอยู่

โดยสรุปแล้ว ทั้งความพยายาม เวลา และเงินทองที่เสียไป กว่าจะได้หลักฐานที่ครบถ้วนเหล่านี้มา แทบกลายเป็นสิ่งที่เสียเปล่า เมื่อวันที่ถือหลักฐานเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วได้รับคำตอบว่า หากเบลไม่ทำการฟ้องร้องดำเนินคดีผู้ละเมิดในตอนนี้ ตามคำสั่งห้ามของศาล เขาก็ทำได้แค่ตรวจสอบเอกสารตัวจริง และรับส่วนที่เป็นสำเนาหลักฐานเอาไว้ แล้วลงบันทึกประจำวันระบุรายละเอียดเอกสารทั้งหมด โดยมีทนายเป็นพยาน โดยในบันทึกประจำวันยังได้ระบุชื่อและหลักฐานของบุคคลที่ละเมิดและหมิ่นประมาท ซึ่งเบลได้แค็ปรายละเอียดเก็บไว้ทั้งหมด เผื่อว่าเมื่อคดีความทางสหรัฐฯ และคำสั่งห้ามของศาลสิ้นสุด หากเบลจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับกลุ่มคนเหล่านี้ ก็สามารถดำเนินการต่อเนื่องได้เลย ซึ่งเบลได้แนบภาพสแกนมาให้ดู โดยต้องขอเซนเซอร์ข้อมูลต้องห้ามที่ไม่สามารถเปิดเผย หรือชื่อบุคคลที่ถูกพาดพิงถึง

ตลอดเวลาที่เกิดเหตุการณ์ มีทั้งผู้ที่ประสงค์ร้าย, ผู้ที่ถูกชักจูงและปลุกปั่นด้วยข้อมูล ความเห็น การคาดเดา ซึ่งใด ๆ เหล่านี้เป็นสิทธิที่ทุกคนพึงกระทำได้ หากไม่ใช่ด้วยวิธีการใช้คำพูดหยาบหยาม ดูหมิ่น ข่มขู่ หรือแม้กระทั่งล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวไปจนถึงบ้านและคนในครอบครัว แฮคบัญชีอีเบย์และเฟซบุ๊ก

เบลพยายามใจเย็นและไม่ตอบโต้ เพราะคิดแต่เพียงว่า ความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ คนที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็มีอยู่ไม่น้อย หลักฐานทางการศึกษาทั้งสองมหาวิทยาลัย เอกสาร ข้อมูลที่เบลเอามาใช้อ้างอิงประกอบการเขียนนิยาย ทุกอย่างก็เคยนำมาแสดงให้ทางสำนักพิมพ์ได้ดูหมดแล้ว ตอนที่ลาออกจากงานเมื่อปี 17 ก็ได้แจ้งสถานะว่างงานให้ทางสำนักพิมพ์ได้ทราบ

และทุกครั้งที่เบลถูกเชิญไปบรรยาย ก็พยายามเน้นถึงงานเขียน การท่องเที่ยว และได้ชี้แจงว่า เบลเคยฝึกงานและทำงานให้องค์กรที่ถูกอ้างอิงถึงด้วยแท็ก #นักเขียน(ชื่อองค์กรนั้น) เพียงชั่วระยะเวลาไม่นานและลาออกมานานมากแล้ว จากนั้นก็ไปทำงานที่อื่น ระหว่างการทำงานอาจมีร่วมงานด้วยบ้าง “แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ขององค์กรที่ถูกพาดพิงถึง” จนถึงปี 2017 ที่ได้ลาออกและได้รับหมายศาล ปัจจุบันคือเป็นคนว่างงาน ท่องเที่ยว เขียนนิยาย ซึ่งสิ่งที่กล่าวมามีหลักฐานอยู่ในคลิปการให้สัมภาษณ์

เบลได้เรียนรู้บทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ว่าจิตใจมนุษย์นั้นเป็นอย่างไร ในสังคมมีคนมากมายเพียงไรที่พร้อมจะตั้งตัวเป็นนักสืบ เป็นศาลเตี้ย พิพากษาตัดสินจากสิ่งที่คนเขาเล่าต่อ ๆ กันมา เชื่อหลักฐานที่ถูกตัดต่อหรือบิดเบือน

แม้แต่คนที่เคยยิ้มแย้ม แสดงความเป็นมิตร แต่เมื่อเราล้ม เขากลับหันมาซ้ำเติม บางคนทำร้ายเราทั้งที่เราไม่เคยไปทำอะไรให้ บางคนไม่เคยรู้จัก ไม่เคยติดตามผลงานของเบลด้วยซ้ำ เพียงแค่ได้อะไรหลักฐานที่เห็นทั้งเห็นว่า ถูกขีดฆ่าหรือปกปิดข้อมูลบางส่วน เพื่อชี้นำให้เข้าใจไปในทางอื่น ก็ยังเข้าร่วมด้วย ดึงมาขยาย ตีไข่ใส่สี ใส่ความคิดเห็นตัวเองลงไป เพียงเพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งของผู้นำดราม่า

แต่ในยามที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุด นอกจากทางสำนักพิมพ์ที่ให้กำลังใจแล้ว เบลยังได้รับกำลังใจมากมายจากพี่ๆ ที่เคารพรัก น้องๆ ที่อยู่เคียงข้าง แฟน ๆ นักอ่าน ที่กลุ่มหนึ่งยังคงรักและให้ความเชื่อมั่น และอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นกลาง รอฟังคำชี้แจงเพื่อพิจารณาและตัดสินใจอีกที หรือแม้กระทั่งกลุ่มที่บอกว่า ไม่สนใจอะไร หากผลงานดีก็จะติดตาม ส่วนอื่นไม่ใช่สาระสำคัญ ซึ่งเบลต้องขอบพระคุณจากหัวใจ

คนกลุ่มนี้ต่างหาก คือคนที่เบลแคร์และทำให้ตัดสินใจออกมาบอกกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสวนทางกับคำแนะนำจากทนายและผู้ใหญ่ที่ให้ความเคารพว่า ด้วยสถานะของตัวเบลที่ถูกจำกัดด้วยคำสั่งศาลอย่างหนาแน่นในตอนนี้ การออกมาพูดจะยิ่งกระตุ้นและเปิดช่องให้ผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ออกมาเพิ่มข้อกล่าวหาและโจมตีหนักขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสถานะการถูกปกปิดประวัติทุกอย่างในอเมริกาของเบลถูกทำด้วยหน่วยงานระดับสูง ทำให้ไม่สามารถมีใครตรวจสอบหรือค้นพบข้อมูลสถานะใด ๆ ของเราได้ ก็ยิ่งเป็นการโหมกระพือความไม่น่าเชื่อถือ เขาจะตัดสินทันทีว่าไม่เจอคือไม่มี ไม่ใช่ ปลอม โกหก

เบลจะมาพยายามอธิบายอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นคำแนะนำที่ดีที่สุดคือ ไม่พูด ไม่ตอบโต้ และปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปเอง

แต่ที่เบลไม่อาจทำได้ เพราะเบลรู้ว่ามีคนที่รัก เชื่อใจ รวมทั้งกลุ่มที่เป็นกลาง กลุ่มคนเหล่านี้ต่างหากที่รอเบลอยู่ เขาให้โอกาส รอฟังคำอธิบาย ส่วนจะเชื่อหรือไม่ จะติดตามต่อไปหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและการตัดสินใจของแต่ละคน ดังนั้นจุดประสงค์ในการออกมาพูดของเบลในวันนี้ จึงไม่ใช่เพื่อให้คนที่ได้ตัดสินเบลไปแล้วได้หันมาฟังหรือเข้าใจในเหตุผลและความจำเป็นส่วนตัว

เบลขอใช้เวลาและพื้นที่ในการชี้แจงแต่เพียงเท่านี้ โดยจะไม่ออกมาตอบโต้หรือให้ข้อมูลใด ๆ อีก จะมุ่งเน้นเพียงการสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพเพื่อไม่ให้แฟน ๆ ที่ยังคงให้การติดตามสนับสนุนต้องผิดหวัง และขอขอบคุณทุกท่านที่ได้สละเวลาติดตามอ่านข้อชี้แจงทั้งหมดนี้นะคะ

เบลต้องขออภัยในความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ขอบพระคุณกำลังใจจากทุกฝ่าย ทั้งจากครอบครัว สนพ. บรรณาธิการ นักเขียนหลาย ๆ ท่าน พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคน โดยเฉพาะเพื่อน ๆ นักอ่าน เบลรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งที่สนับสนุน เชื่อใจ และอยู่เคียงข้าง

ด้วยรักและขอบคุณจากใจ
ชลันตี

เพิ่มเติม
เรื่องการละเมิดไฟล์แจ่มใส :
เบลยอมรับว่า เคยขอจริง เมื่อหลายปีที่แล้ว และเบลได้ส่งอีเมล์ไปขออภัยกับทางสำนักพิมพ์แจ่มใสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงสอบถามเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย โดยทางแจ่มใสเองไม่ได้ติดใจเอาความ ตามรูปภาพหลักฐานแนบในโพสต์นี้ เบลขออภัยต่อทั้งแฟน ๆ และสนพ.แจ่มใสมา ณ ที่นี้อีกครั้ง และสัญญาว่าจะไม่กระทำสิ่งเหล่านี้อีกโดยเด็ดขาด

ปล ส่งหนังสือให้แล้วนะคะ ท่านใดยังไม่ได้รับหรือมีปัญหาใด ติดต่อมาได้เลยทางเพจค่ะ
ปล 2 เมื่อจัดการเรื่องส่วนตัวหลายเรื่องเรียบร้อย จะเดินทางกลับอเมริกาเพื่อไปจัดการอะไรหลายอย่างและรักษาตัวต่อค่ะ

บันทึกประจำวัน

จดหมายขอโทษสนพ.แจ่มใส

อีเมลตอบกลับจากสนพ.แจ่มใส

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

โซเชียลเล่นใหญ่งัดรัฐธรรมนูญสหรัฐโต้ ‘ชลันตี’ ย้อนติดแฮชแท็ก #นักเขียนUN
โซเชียลแตก 2 ฝ่าย ให้กำลังใจ ‘ชลันตี’ อีกฝ่ายถล่ม ‘ชี้แจงไม่เคลียร์’
สถาพรบุ๊คส์ งดให้สัมภาษณ์ปมดราม่า ‘ประวัตินักเขียน’
‘สถาพรบุ๊คส์’ ยุติเผยแพร่กิจกรรม-บทสัมภาษณ์ ‘ชลันตี’ หลังเกิด ‘ดราม่าประวัตินักเขียน’

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image