เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าว จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงานว่า นายสมชัย เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “วินทร์ เลียววาริณ” ระบุว่า เรื่องนี้ผ่านมาร่วมสองเดือนแล้ว หาโอกาสเล่าไม่ได้เล่าวันนี้ก็แล้วกัน ผมไปเที่ยวชะอำในเดือนกันยายน พาคนต่างชาติไปด้วย ครั้นตอนเย็นก็ไปหาข้าวกินที่ตลาดหัวหิน ทำเช่นนี้มา 20-30 ปีแล้ว ไม่เคยมีปัญหา เที่ยวนี้คนต่างชาติบอกว่าอยากไปกินอาหารทะเลที่ร้านซีฟู้ดร้านหนึ่งในตลาด บอกว่าเห็นชื่อนี้ในเว็บไซต์ ก็เข้าไปนั่ง เป็นร้านธรรมดา ไม่ใช่ภัตตาคารหรูอะไร ผมปล่อยให้แขกสั่งอาหารตามสบาย ก็มีกุ้งเผาสี่ตัว ต้มยำ หอย อาหารไทยพื้นๆ ธรรมดา
“ขณะสั่งกุ้งเผา คนต่างชาติถามราคาก่อน คนขายบอกเดี๋ยวค่อยมาบอก แต่ก็ไม่ได้บอก นำอาหารมาเสิร์ฟเลย หลังอาหารก็เรียกเก็บบิล ผมประเมินราคาอาหารบนโต๊ะ อย่างมากก็พันห้า หรือไม่เกินสองพ้น เพราะไม่ใช่กุ้งใหญ่ ปรากฏว่าคนที่นำบิลมาส่งเป็นเด็กหญิงตัวน้อย บิลเขียนราคาหกพันกว่าบาท กุ้งราคาตัวละหนึ่งพันบาท มองซ้ายมองขวาหาผู้ใหญ่ที่เป็นเจ้าของร้านเพื่อสอบถาม ก็ไม่มีเงาสักคน มีแต่เด็กหญิงจ้องตาลูกค้ารอรับเงิน”
เราออกจากร้านด้วยความรู้สึกแย่ เพราะรู้ว่าถูกโกง คนขายตั้งใจไม่บอกราคา เห็นว่านอกจากผมคนไทยคนเดียว ที่เหลือเป็นคนต่างชาติเนื่องจากมีแขกต่างชาติ ผมจึงตัดสินใจไม่ทำเรื่องวุ่นวาย ยอมจ่ายและออกจากร้านไป เมื่อเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง ก็ได้ความว่า ร้านซีฟู้ดนี้มีประวัติในการโกงแบบนี้มานานหลายปี เป็นที่ขึ้นชื่อในหัวหิน แต่ไม่มีใครทำอะไรได้ ลูกค้าก็บ่นแล้วก็ไปครั้งเดียวก็ไม่กลับไปอีก ร้านก็ยังคงทำอย่างนี้กับคนอื่นต่อไปได้
ผมลังเลอยู่นานว่าจะเล่าเรื่องนี้สู่สาธารณะดีไหม แต่ในที่สุดก็คิดว่าเล่าดีกว่า โดยไม่ต้องบอกชื่อร้าน เนื่องจากผมไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ จึงตั้งตัวไม่ทันจริงๆ ก็ไม่ได้เก็บหลักฐานใบเสร็จและถ่ายรูปร้าน แต่หากเสิช Google คำว่า “ร้านซีฟู้ด หัวหิน โกง” ก็รู้
ถ้าหากมีคนได้รับประโยชน์จากคำเตือนนี้สักหกพันคน เงินหกพันบาทที่ผมเสียไปก็คุ้มบทเรียนคนละบาทเดียว สิ่งที่ผมอยากเตือนผู้อ่านมีข้อเดียวคือ เมื่อสั่งอาหาร จงถามราคาเสมอ ถ้าไม่รู้ราคา ก็ไม่ต้องสั่งไม่ต้องกินความจริงคนที่ควรจะเดือดร้อนใจและรีบทำอะไรสักอย่างมากที่สุดก็คือ ชาวหัวหิน เพราะมันทำให้ลูกค้าเข็ดขยาดกับหัวหินในภาพรวมแต่ที่น่าเศร้าใจคือ หัวหินไม่ใช่คดีเดียว
การท่องเที่ยวแบบ mass tourism ก่อให้เกิดมิจฉาชีพที่ซ่อนตัวในรูปพ่อค้าแม่ค้า ร้านค้า รถแท็กซี่ ฯลฯ ที่พยายามรีดเงินจากนักท่องเที่ยวให้มากที่สุด โดยไม่คำนึงว่า ท้ายที่สุดแล้ว ผลกรรมจะตกอยู่กับคนไทยทั้งหมดว่าเป็นประเทศขี้โกง วินทร์ เลียววาริณ เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/
นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้ติดต่อผู้โพสต์เพื่อขอทราบพิกัดร้านอาหารซีฟู้ดดังกล่าว แต่ยังไม่ตอบกลับเพื่อแจ้งรายละเอียด ทำให้ไม่มั่นใจว่าเป็นร้านซีฟู้ดชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่เคยเป็นข่าวกรรเชียงปูนึ่งจานละ 650 บาท หรือไม่ หรือร้านอื่น ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ หากได้ข้อมูลที่ชัดเจนก็จะดำเนินการตามาตรการที่กำหนดต่อไป หลังจากเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมาได้ ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชิญเจ้าของร้านซีฟู้ดในพื้นที่กว่า 30 ราย มาทำความเข้าใจที่สำนักงานเทศบาลหัวหิน จากนั้นได้กำหนดหลักเกณฑ์ปฏิบัติดังนี้ 1.จำหน่ายอาหารในราคาที่เป็นธรรมเหมาะสม 2. มีการติดป้ายแสดงราคาอาหารและค่าบริการ การแสดงราคาจำหน่ายอาหารต่อหน่วย จะเป็นตัวเลขภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีเลขอารบิคอยู่ด้วย ในลักษณะที่เห็นได้ชัดเจนและเปิดเผย 3.การแสดงราคาอาหารและค่าบริการให้จัดทำเป็นเมนูหรือป้ายติดที่สินค้า 4.กรณีที่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกเหนือจากราคาอาหาร เช่น ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าห้องปรับอากาศ ต้องแสดงค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บให้ชัดเจน 5.การจำหน่ายอาหารต้องตรงกับราคาที่แสดง ไม่สามารถจำหน่ายแพงกว่าราคาที่ตั้งไว้ได้ หากมีการฝ่าฝืนหรือเจ้าหน้าที่มีการตรวจพบจะมีความผิดตามกฎหมายต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
