ชื่นชม ครูสาว คุมสติดีเยี่ยม เผชิญหน้ากับเสือโคร่ง ป่าทุ่งใหญ่ฯ พื้นที่เดียวกับคดีเสือดำ

ชื่นชม ครูสาว คุมสติดีเยี่ยม เผชิญหน้ากับเสือโคร่ง ป่าทุ่งใหญ่ฯ พื้นที่เดียวกับคดีเสือดำ

 

จากกรณี ผู้หญิงชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงคนหนึ่งซึ่งเป็นครูในโรงเรียนบ้านหินตั้ง บ้านจะแก อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายของอำเภอสังขละบุรี ที่ตั้งอยู่กลางป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เขตติดต่อ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก ใช้ชื่อเฟซบุ๊ก ว่า book Za Sooksun ได้โพสต์คลิปวีดิโอขณะหนีเสือ ด้วยการปีนขึ้นไปหลบอยู่บนกอไผ่กับสามี ความยาวกว่า 30 นาที

โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นขณะหญิงสาวและสามี ขับรถจักรยานยนต์เพื่อกลับบ้านที่จะแก บนเส้นทางลำลองกลางป่าทุ่งใหญ่ เส้นทาง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร สำนักงานใหญ่ (ทินวย)-บ้านจะแก ซึ่งเป็นเส้นทางที่ต้องผ่านป่าเขา ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นเส้นทางเดินและพื้นที่หากินของสัตว์ป่านานาชนิด ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร รวมทั้งเสือ

ซึ่งปกติในเส้นทางดังกล่าวจะไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปใช้เส้นทาง นอกจากเจ้าหน้าที่และชาวบ้านที่จำเป็นต้องใช้เส้นทางเข้าออก ซึ่งอาจเป็นความบังเอิญที่สองสามีภรรยา มาพบเสือขณะกำลังขับขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน จนต้องทิ้งกระเป๋าและมอเตอร์ไซค์ ก่อนปีนต้นไผ่ที่อยู่ข้างทางเพื่อเอาชีวิตรอดจากเสือตัวดังกล่าว

Advertisement

จากภาพและเสียงที่ถ่ายโดยหญิงสาวผู้เป็นภรรยา ปีนขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าสามี นอกจากการบันทึกภาพแล้วเธอยังทำหน้าที่คอยบอกพฤติกรรมของเสือ เช่น คอยบอกสามีว่าเสือนอน นั่ง ออกเดิน เสือกำลังจ้องมองมาบนกอไผ่ที่ตนเองและสามีอยู่ ระยะห่างที่เสืออยู่ โดยบางครั้งแสดงที่พูดแสดงออกถึงความกลัว โดยมีบางช่วงบางตอนที่เธอเอ่ยรําพึงรําพันกับเสือเป็นภาษากะเหรี่ยงที่แปลว่า “ตาจ๋า ยายจ๋า จะไปไหนก็ไปเถอะหนา อย่ามาคิดร้ายต่อกันเลย ต่างคนต่างไป เราทั้งสองคนก็มีธุระต้องกลับบ้าน อย่ามาแกล้งกันอย่างนี้เลยนะ”

บางจังหวะที่เสือเดินเข้ามาใกล้ เธอก็พยายามเรียกสามีที่อยู่ด้านล่าง ให้ปีนมาอยู่ใกล้ๆ พร้อมตำหนิสามี ที่เลือกปีนไผ่ต้นเดียวกับตนเอง เนื่องจากเกรงว่าไผ่จะหักโค่น ส่วนไผ่ที่สองสามีภรรยาเลือกปีนนั้น โชคดีที่เป็นไผ่นวล ที่มีแขนงทำให้ง่ายต่อการปีนป่าย ที่สำคัญไผ่นวลมีลำต้นที่ใหญ่ และเนื้อไผ่มีความแข็ง

ส่วนผู้เป็นสามีจากภาพที่บันทึกได้ ไม่ได้กลัวเสือตัวนี้มากนัก บางครั้งยังมีการพูดหยอกล้อภรรยา ซึ่งช่วยให้ภรรยาผ่อนคลายในบางช่วง จนเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที เสือตัวดังกล่าวได้ขยับตัวและเดินจากไปไกลออกไป เขาจึงตัดสินใจลงจากกอไผ่ พร้อมชวนให้ภรรยาลงมา แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ โดยเธอยังทำหน้าที่คอยดูเสือและบอกสามีเป็นระยะๆ

มีช่วงหนึ่งที่เธอบอกว่าดูเหมือนเสือจะหลับ สามีบอกให้ลงมาแล้วเราจะขับมอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็ว ผ่านเสือเพื่อกลับบ้านกัน แต่เธอปฏิเสธ พร้อมพูดว่าถ้าเสืออยู่จนเช้า เธอก็ยืนยันที่จะอยู่บนกอไผ่จนเช้าเช่นกัน ก่อนจะถามสามีว่าถ้าเราจะย้อนกับไปหน่วยฯ (หน่วยพิทักษ์ป่า) ไกลไหม สามีตอบว่าไม่ไกล ก่อนจะมีการยุติการบันทึกภาพ

ทั้งนี้ ในโลกออนไลน์ที่มีคำถามว่าการหนีเสือโดยการขึ้นต้นไผ่ใช้ได้ผลจริงหรือ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าใช้ได้ผล แต่สำหรับชาวกะเหรี่ยง นี่คือการหนีเอาตัวรอดจากเสือ ที่ได้รับการสอนมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานที่เกิดเหตุเป็นโซนเดียวกันกับที่ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก นำกำลังเข้าจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน เข้าไปลักลอบล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางเป็นซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก เหตุเกิดระหว่างวันที่ 4-6 ก.พ. 2561

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image