‘อาม่า’ ปะทะเพื่อนบ้านหัวร้อน ลั่นไม่เคยด่าแต่ถูกตบฟันร่วง คู่กรณีสุดทน แจงปมเดือด

อาม่า วัย 75 ปี มีปัญหากับเพื่อนบ้าน ทะเลาะกันมานาน เพื่อนบ้านไม่พอใจ อาม่าถูกต่อยปากฟันร่วง อาม่าทนไม่ไหว ประกาศขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

รายการโหนกระแสวันที่ 23 ก.พ. 64 “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ “อาม่าเนาวรัตน์” และลูกชาย “วรวิทย์ จารุรัตนาภรณ์” พร้อม “ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ” และยังมี “คุณนัน” คู่กรณีตบอาม่ามาด้วย

 

สามีไม่ได้มาด้วย?

นัน : “ไม่ได้มาค่ะ ตอนนี้เข้าไปพบผู้บังคับบัญชาชั้นสูง น่าจะเรื่องนี้นะคะ สามีเป็นร้อยตรีค่ะ เป็นทหารค่ะ”

Advertisement

 

อาม่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด คุณทราบใช่มั้ย?

นัน : “ทราบค่ะ”

Advertisement

 

เหตุการณ์เกิดอะไรขึ้น?

วรวิทย์ : “แยกสนามบินน้ำ ติวานนท์ 33 ตรงนั้นเป็นตึกแถว อาคารพาณิชย์ มีฟุตปาธ มีถนน ทีนี้มีการทำรถไฟฟ้าอยู่”

 

ประตูเหล็กคือบ้านอาม่า ร้านอยู่ติดกัน และฝั่งหันหน้าเข้าหาบ้านอาม่าขวามือคือร้านไดนาโม แล้วเกิดอะไรขึ้น รู้จักกับบ้านไดนาโมมั้ย?

วรวิทย์ : “ไม่รู้จักครับ เขามาเช่าอยู่ น่าจะมาปี 58-59 ผมมาอยู่ก่อนกับคุณแม่”

ไม่ถูกอะไรกัน?

วรวิทย์ : “เขาทำธุรกิจซ่อมรถครับ ก็ต้องมีเสียงทุกวัน เขาอ้างว่าเป็นการเบิ้ลรถเครื่องซ่อมรถ”

 

อาม่า : “ไม่ไหว มลภาวะเป็นพิษ”

 

วรวิทย์ : “มีพวกกลิ่นควัน น้ำมันเครื่องคลุ้งไปในท่อน้ำ เพราะท่อน้ำมันเชื่อมกัน กลิ่นน้ำมันขึ้นไปชั้นบนเลยครับ”

 

ปัญหาเกิดอะไรขึ้น อาม่าไปด่าเขาเหรอ?

อาม่า : “ไม่เคยด่า ไม่เคยคุยกันเลย เห็นหน้าปั๊บมันเอาเรื่องเลย เข้ามาซ้อม ออกจากบ้านไม่ได้ ตลอดเลย ต้องให้ลูกออกไปส่ง ไปขึ้นรถ”

 

วรวิทย์ : “แม่ไปแจ้งเขตที่มาดูแลเรื่องฟุตปาธ กับสิ่งผิดกฎหมาย สิ่งที่มันไม่ถูก แม่ไปร้องเขต เขาอาจจะผูกใจเจ็บ แล้วมาทำร้าย”

 

หลายครั้งหรือยัง?

วรวิทย์ : “เรื่องมาขู่ตั้งแต่ปี 60-61 มาหน้าบ้าน เป็นคลิปวิดีโอจากมือถือ เขามาชักปืนอยู่หน้าบ้านผมและขึ้นไกด้วย”

 

ชักปืนขู่หน้าบ้านครั้งนี้เป็นกรณีอะไร?

วรวิทย์ : “เขาอ้างว่าแม่ไปเทขยะหน้าบ้านเขา”

 

อาม่าทำหรือเปล่า?

อาม่า : “ไม่ได้ทำ เขาชักปืนก็ไม่ทราบสาเหตุ เขาเห็นว่าเราไปแจ้งองค์กร เราเดือดร้อน สถานที่ราชการ”

คุณนัน เมื่อสักครู่เป็นสามีคุณหรือเปล่า เกิดอะไร ทำไมไปชักปืนขู่เขา?

นัน : “สาเหตุ ณ คืนนั้นประมาณ 4 ทุ่ม ยายแกเขวี้ยงเศษอาหารลงมาซึ่งเป็นถุงใหญ่ๆ แต่แกเขวี้ยงมาบนถนนหน้าบ้านแล้วมีรถคันนึงทับ เศษอาหารกระเด็นมาหน้าบ้านหมดเลย แฟนก็ไปตะโกนเรียก ดิฉันตะโกนเรียกเขาไม่ลงมา แฟนก็เดินตามออกไป เหมือนคนอารมณ์โกรธ ทำไมทำกันถึงขนาดนี้ เคยขอร้องแล้ว โทรคุยกับลูกชายเขาก็เคย ว่าขอเถอะ เรามีอะไรคุยกันดีกว่า เขาเหมือนไม่พร้อมคุยกับเราดีๆ ลักษณะประมาณนี้ เหมือนยั่วยุเรา เอาอาหารมาทิ้ง คนเราพอโดนยั่วยุก็จะมีอารมณ์”

“แล้วคลิปนี้ตั้งแต่ปี 60-61 อย่างที่เขาบอก ทำไมไม่ลงเต็มๆ ละคะ เขาโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ ตร. ตร.ก็มา เราต้องการไปโรงพักในคืนนั้น แต่เขาบอกแม่ไม่ลงมาหรอก เราก็บอกว่าคุณเป็นลูกคุณเรียกแม่ลงมาได้ ถ้าเรียกลงมาก็จะจบ ไปโรงพักกันเลยมันจะได้ไม่มีอะไรต่อกัน ก็คุยแบบนี้ เขาบอกแม่เขาไม่ลงมา สรุปเราไปโรงพักกันคืนนั้น วันที่ 2 ธ.ค. ปี 2018 เราไปโรงพักกันไปตกลง เขาก็แจ้งความเรื่องนี้ แจ้งความดิฉันกับสามี คุยกันตกลงกัน เราก็ขอโทษขอโพย เขาก็ยอมความว่าแม่เขาก็ผิด เราก็ยอมความว่าคนของเราก็ผิด เหมือนอารมณ์โมโห ยอมความก็จบกันไปแล้ว”

 

ตามนั้นใช่มั้ย?

วรวิทย์ : “เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง แต่เรื่องคลิปไม่ได้มอบให้ตำรวจเกี่ยวกับคดีนี้ ที่มีปัญหากันไปโรงพักแล้วเคลียร์แล้ว แต่ไม่เกี่ยวกับคลิปพวกนี้ ผมไม่ได้ยื่นคลิปให้ตำรวจดู เพราะเห็นว่าเคลียร์แล้ว ไม่อยากให้มันเลยเถิด”

 

เห็นว่ามีเอาก้อนหินมาเขวี้ยง?

วรวิทย์ : “เหตุการณ์เดียวกันกับวันชักปืน”

 

ตร.มาที่หน้าบ้านแล้วยังไงอีก?

วรวิทย์ : “ใช่ครับ ประมาณตีสองได้ แล้วมีการข่มขู่ต่อหน้า ตร. ว่าจะฆ่า เขาบอกเขาเป็นทหาร ติดคุกแค่ 3 ปี เขาอยู่ใต้มาไม่กลัวใคร เอาเขาออกจากราชการไม่ได้”

 

ตอน ตร.มาขู่จะยิงหัว?

ทนาย : “แต่สุดท้ายเจรจาไปหมดแล้ว”

 

วรวิทย์ : “เรื่องวิวาทก็เคลียร์ไป ผมก็ไม่ได้ยื่นหลักฐานพวกนี้ประกอบ”

 

คุณนัน เรื่องทั้งหมดเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องมีเหตุรุนแรงบ่อยๆ ทนไม่ไหวเรื่องอะไร อาม่าเป็นยังไง?

นัน : “เราเคยคุยกับแกว่าถ้าเราทำอะไรไม่ดี เรามาคุยกันนะ ทีนี้เขาไม่พร้อมที่จะคุย หนึ่งเขาไปร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ สองถ้าหน่วยงานมา จะโทรเรียกเขาลงมาให้เขามาคุยกับเรา ให้สองฝ่ายมาเจอกันและคุยกัน แต่ทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่มาเขาไม่เคยลงมา แล้วพอเขาเข้าบ้านปุ๊บก็จะด่าแบบนี้ ด่าหยาบคายมาก”

 

เช่นอะไรบ้าง?

นัน : “พูดถึงอวัยวะ แล้วบอกว่าพ่อแม่มึงไม่สั่งสอน ถึงได้เลวทั้งโคตร พ่อแม่มึงมันเหี้.. ทุกอย่าง มีคลิปเสียง”

 

อาม่า : “ไม่เคยพูด ไม่เคยเจอหน้ากันจังๆ แล้วที่เขาพูด เขาเมคเรื่องขึ้นมา ปั้นน้ำเป็นตัวเก่ง ไม่เคยคิดด่า เราอยู่ในบ้านของเรา”

 

แม่เคยด่าในบ้านหรือเปล่า?

วรวิทย์ : “ซึ่งหน้าคิดว่าไม่เคย เขาไม่กล้าหรอกครับ คิดดูว่าขนาดออกไปไกลบ้านเขายังดักตีเพราะว่าไปด่าเขา  ออกจากบ้านไปตั้งไกลแล้วไปดักตี ถ้าด่าซึ่งหน้าไม่โดนตีเลยเหรอ ใครจะไปทำแบบนั้น”

 

ยืนยันว่าไม่ได้ด่า?

วรวิทย์ : “ไม่ได้ด่า แต่ในบ้านเขาจะพูดอะไร จะบ่นจะอะไรก็เป็นสิทธิของเขา เขาอยู่ในบ้าน ไม่ได้ระบุชื่อใคร แต่นอกบ้านไม่เคยด่า”

 

อาม่า : “หน้าก็ไม่เคยเจอกันจังๆ”

 

วรวิทย์ : “หน้าก็ไม่อยากมองเลย แล้วจะไปด่าต่อหน้าเขาได้ยังไง”

ทำไมไปตบอาม่าฟันร่วง?

นัน : “วันที่ 2 ก.พ. ขี่มอเตอร์ไซค์กลับมา เจอแกกำลังเดินผ่านหน้าร้านยางก็ถามว่าทำไมป้ามาด่าฉันเสียหายแบบนี้ ด่าหยาบๆ คายๆ เขาด่าด้านหลังบ้าน ดิฉันเลยอัดคลิปเอาไว้ ด่ากระทั่งว่าฉันกับลูกน้องแอบไปอะไรกัน แล้วเขาเอ่ยชื่อลูกน้องด้วย ดิฉันก็อัดคลิปเอาไว้”

 

อาม่า : “ปั้นเรื่อง ปั้นน้ำมันเป็นตัวเก่ง”

 

เขาปลอมเสียงอาม่าเหรอ?

อาม่า : “ไปแจ้งความ ตร.เลย คนนี้เมคเรื่องเก่ง”

 

นัน : “เราเข้าไปจอดรถคุยกับเขา ตั้งใจเอาเขาไปโรงพัก เขาบอกมึงไม่ต้องมาจับกู มึงปล่อยกู อีเหี้.. มึงมันคนแบบนี้ ช่วงที่ยื้อตัวยื้อแขนคือต้องการพาไปโรงพักด้วยกัน ให้ขึ้นรถสาธารณะเขาก็ไม่ไป ยืนด่าเสียๆ หายๆ มันเก็บอารมณ์ไม่อยู่จริงๆ ด้วยอารมณ์โกรธ เราก็พลั้งมือทำเขาไป”

 

คุณขี่มอเตอร์ไซค์แล้วไปกระชากแขนเขาทำไม?

นัน : “จะพาไปโรงพัก บอกว่าถ้าป้าด่าแบบนี้ไปโรงพักดีกว่าเรื่องจะไม่จบ เราต้องการให้เขาไปโรงพัก กำลังจะโบกแท็กซี่”

 

อาม่า : “ไม่ได้โบกแท็กซี่ เมคเรื่องอีก”

 

แกแก่แล้วนะ คุณไปกระชากแกแบบนั้น ไม่กลัวแกตายเหรอ แก 75 แล้วนะ?

นัน : “มองแบบนี้แกแข็งแรงนะ แกอยู่ในบ้าน ไม่รู้แกเอาเสียง เอาแรงมาจากไหน บางทีถามว่าคนเราแก่อย่างนี้ ไม่น่าด่าอะไรขนาดนั้น”

 

คุณเตะอาม่าด้วย คุณลากขาแล้วเอาเท้าเตะ เป็นวิธีการเรียกขึ้นแท็กซี่?

นัน : “ไม่ใช่ค่ะ ก็เขายังด่าอยู่ มันเก็บอารมณ์ไม่ไหว ขนาดแกอยู่ท่านั้นแกยังด่าเราอยู่ ด่าหยาบๆ คายๆ”

 

ทำยังไงแกถึงฟันร่วง?

นัน : “เหตุการณ์วันนั้นไม่มีฟันร่วงใดๆ ทั้งสิ้น ที่ฟันร่วงคือวันที่ 11 ส.ค. ปี 62 ดิฉันเดินไปในซอย หยิบของในรถแล้วเดินกลับออกมา แกยืนอยู่ชั้นบนบ้านแก แล้วแกเฮ้ย ก่อน แล้วทิ้งขวดน้ำจิ้มลงมา เป็นขวดเปล่า พอเราเห็นของลงมาเราก็หลบ เศษแก้วกระเด็นมาบาดข้อเท้านิดนึง เราก็เข้าไปล้างแผลในบ้าน สักประมาณ 2 ชม. แกเดินออกมาจากบ้าน ใส่เสื้อสีฟ้า ก็เข้าไปบอกว่ามึงตั้งใจจะฆ่ากูเหรอ นี่คือคำพูดของดิฉัน มึงทำร้ายกูก่อนนะ มึงจะเอายังไง ที่ไปยืนเถียง แกกระชากคอเสื้อดิฉัน ดิฉันก็บอกให้แกปล่อย แล้วก็เลยมีเหตุการณ์ ลูกเขายืนถ่ายคลิปอยู่ข้างบน ชั้นที่แม่เขาทิ้งขวดลงมา เหตุการณ์วันนั้นคือวันที่ 11 ส.ค. ปี 62”

 

คุณตบฟันร่วงปี 62 ล่าสุดคือเตะ ปี 64?

นัน : “ใช่ค่ะ แล้วพอไปโรงพัก ร้อยเวรบอกเราว่าป้าจะแจ้งความว่าเราทำร้ายร่างกายเขา เราบอกได้ค่ะ ไม่เป็นไร เรายอมรับข้อกล่าวหา แต่เราก็จะแจ้งความเขาด้วย ที่เขาตั้งใจทิ้งขวดลงมา เจตนาให้โดนศีรษะเรา ณ ขณะนั้นถ้าเราไม่หลบล่ะ”

 

ตั้งใจโยนขวดไปโดนหัวเขามั้ย?

อาม่า : “ไม่ได้โยนเลย”

วรวิทย์ : “คลิปเป็นเหตุการณ์หลังเขาบอกโยนขวด เห็นขวดมีอยู่มั้ย ถ้ามีคงมีเศษขวดเต็มไปหมด เขาคงไม่มากวาดให้ผมหรอก ผมนั่งอยู่ในห้องน้ำ ถ้าเขาโยนจริงผมต้องเห็น สองขวดลงไปที่พื้น แตกต้องมีเสียง แต่ไม่ได้ยินเสียง”

คุณนันมีหลักฐานอะไร?

วรวิทย์ : “มีหลักฐานอะไรผมยังไม่รู้เลย ผมนั่งอยู่ผมไม่เห็น แล้วเขาเตรียมตัวออกจากบ้าน ถ้าเขาทำแบบนั้นจะกล้าออกจากบ้านมั้ย”

 

คุณนันมีหลักฐานมั้ยที่เขาปาขวด?

นัน : “มีค่ะ ถ่ายรูปขวดเอาไว้”

วรวิทย์ : “ถ่ายรูปตอนโยนหรือเปล่า ถ้าทิ้งลงมาทำไมพื้นวิดีโอไม่มีเศษขวดเลย”

นัน : “ฉันเตือนคุณนิดนึงนะ การตัดต่อคลิปเราไม่รู้”

วรวิทย์ : “ไม่มีตัดต่อ มีแค่นี้จริงๆ”

นัน : “ไม่ต้องมาเถียงกัน ไม่เป็นไร เรื่องนี้ไปถึงโรงพัก เราก็มีหลักฐานนะคะ ป้าแกไปแจ้งความไว้ วันที่ 11 ที่มีเรื่องกัน ทางร้อยเวรบอกว่าป้าแกมีบาดแผล ปากแตก แกบอกแกฟันหัก ทางเราก็มีบาดแผล งั้นให้ไปรพ.พระนั่งเกล้าเลย เราก็ไปเจอกันที่ รพ. แล้ว ตร.บอกว่าทางร้อยเวรจะเรียกมาสอบปากคำทีหลัง ต่างคนต่างแจ้งข้อกล่าวหา ออกจาก รพ.ประมาณบ่ายสาม มาถึงบ้าน หกโมงเย็นหรือทุ่มนึง ลูกชายโทรมาหาดิฉันบอกว่าผมดูคลิปแล้ว แม่ผมผิด ผมโทรมาขอโทษคุณแล้วกัน”

วรวิทย์ : “ผมบอกว่าผมดูคลิปแล้ว ไม่มีการรุม โอเค ตีคนเดียว คุณอ้างว่าคุณเจ็บ ถือว่าทั้งสองฝ่ายก็เจ็บ ถ้าจะคุยกัน จะยอมความมั้ย ถ้าเขาไม่ยอมความผมก็ทำอะไรไม่ได้นะ แต่ผมจะพูดให้”

 

อาม่าโดนทำร้ายร่างกายแบบนี้มาตลอด ครั้งนึงโดนตบฟันหัก ครั้งล่าสุดถูกเตะ ถามจริงๆ เคยบอกมั้ยแม่เราผิด?

วรวิทย์ : “ก็บอกว่าอย่าไปยุ่งกับเขา ให้อยู่ส่วนของเรา”

 

ยอมรับมั้ย ว่าแม่เป็นมนุษย์ป้าคนนึงเหมือนกัน?

วรวิทย์ : “ใช่ครับ เขาไม่ยอมคน ถ้าใครมาทำ มาเอาเปรียบเขาไม่ยอม”

 

ระดับสิบมั้ย?

วรวิทย์ : “ประมาณนั้น แต่ทุกอย่างมีต้นสายปลายเหตุ ไม่งั้นเขาไม่เป็นแบบนี้”

 

ที่บอกว่ามีต้นสายปลายเหตุ ยอมรับมั้ยว่าอาม่าไปด่าเขาบ้าง เพราะตอนนี้ผมถามคุณบอกไม่ได้ด่า แต่ฝั่งโน้นเขาบอกทางนี้ด่า ตกลงยังไงกันแน่ ระวังคดีพลิกนะ?

วรวิทย์ : “ถ้าเขาอ้างว่าด่าก็ให้เขาไปฟ้องมา เอาตามความเป็นจริงเลย ถ้ามีคลิปก็ฟ้องกันไป เพราะถึงจะมีการด่า ก็ไม่ควรทำร้ายร่างกาย คนแก่อายุ 75 ไม่ควรลงไม้ลงมือ”

ทนาย : “กรณีการไปร้องเรียนเขตเป็นอีกเรื่องนึง จะส่งผลให้มีมูลเหตุต่อเนื่องอะไรก็แล้วแต่ แต่ตามคลิปที่อาม่าถูกกระชาก จริงๆ ตัวผู้กระทำไม่มีสิทธิกระชากอาม่าไปไหนมาไหน การทำร้ายแบบนั้น การทำร้ายร่างกายปกติ ถ้าทำโดยทารุณโหดร้าย บทฉกรรจ์ โทษจะจำคุกสูงขึ้น หนักกว่าเดิม”

“กรณีนี้อาม่าไม่ได้สมัครใจทะเลาะวิวาท สองผู้กระทำใช้การกระทำเหมือนทารุณโหดร้ายกับคนแก่ มันจะมีบทฉกรรจ์ของมัน ส่วนอาม่าจะไปด่าว่าเขายังไงก็ตาม ตัวคุณนันมีสิทธิไปแจ้งความดำเนินคดี ต้องแยกกัน จริงๆ ผมก็เชื่อว่าใครพูดยังไงไม่ทราบ ต้องไปว่ากันที่ศาล แต่อาม่าด่าเขาหนึ่งครั้ง คุณนันก็มีสิทธิแจ้งข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า กระทำอะไรอันสกปรกอะไรก็ตาม ก็ดำเนินคดีได้ แต่คุณนันไม่มีสิทธิไปทำร้ายเขาแบบนี้ เรามีกฎหมาย แบบนี้แต่ละฝ่ายก็ไปแจ้งความกัน”

อาม่า : “เขาบอกเรียกแท็กซี่ ไม่มีเลย เขาปั้นน้ำ”

ทนาย : “การที่คุณนันจะกระชากพาไปใครไปโรงพัก คุณนันไม่มีสิทธิต้องแจ้งความให้ ตร. ออกหมายหรือพาเขามา คุณนันจะจูง จะพาไป คุณนันไม่มีสิทธิขนาดนั้น”

เรื่องนี้เกิดมานานตั้งแต่ปี 60-61 มีเรื่องชักปืนขู่หน้าบ้าน สามีคุณนันชักปืนขู่จริงๆ คุณนันยอมรับ?

นัน : “ไม่ได้ขู่นะคะ เหมือนชักปืนว่าถ้าอย่างนี้เก็บกดกัน เขากดดันเรา เราไม่ไหว ขึ้นลำคุณดูคลิปด้วย ว่าปืนส่องไปด้านบนหรือเปล่า เอามือซุกไว้ด้านหลัง อีกมือสูบบุหรี่นะคะ”

 

ทนาย : “คุณอ้างอย่างนั้นไม่ได้ ปืนคืออาวุธโดยสภาพของมันอยู่แล้ว การชักคือความพร้อมที่จะยิง การไว้ข้างหลังหรือข้างหน้าเราอ้างไม่ได้ นี่ถือว่าเป็นการข่มขู่”

 

วันเดียวกันเอาก้อนหินเขวี้ยงไปในบ้าน หลังเหตุการณ์นี้ ตร.มา คุณขู่ต่อหน้า ตร.จะฆ่ายกครัว ยิงหัวติดคุก 3 ปี ยอมรับมั้ย?

นัน : “ไม่ได้ยอมรับนะคะ คุณให้เขาเปิดคลิปเต็มๆ สิคะ เริ่มต้นตั้งแต่ ตร.มาเลย เขาไม่เปิดคลิปเต็ม”

 

คลิปเต็มเป็นยังไง?

นัน : “คลิปที่เขาเปิดจะจบแล้ว ทำไมไม่เปิดตั้งแต่ต้นเรื่อง พอเขาบอกแจ้ง ตร. เลย คลิปนี้ดิฉันมีตั้งแต่ต้นเรื่องมาเลย”

 

ต้นเรื่องเป็นยังไง?

นัน : “เขาโยนขยะลงมาหน้าบ้านเรา แล้วเป็นถุงใหญ่ ทำไมไม่ส่องคลิปไปที่ขยะที่เขาเขวี้ยงมา แล้วรถดิฉันจอดอยู่ตรงนั้น”

โยนขยะถึงขั้นต้องขู่จะยิงหัวเลยเหรอ ได้เหรอ ต่อไปนี้ใครไปทิ้งขยะหน้าบ้าน ไปขู่จะยิงหัวไม่ผิดเหรอ ฝั่งนี้เขาบอกเป็นนุษย์ป้า เขาก็ยอมรับ มุมคุณคิดยังไง?

นัน : “คือเรื่องของเรื่องวันนั้นเหมือนคนบันดาลโทสะ เหมือนด้วยอารมณ์โมโห แรงยั่วยุของเขา เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ไม่มีเจตนาอะไรเลย ได้อารมณ์ยั่วยุจากเขา”

 

ทนาย : “ไม่ได้หรอกครับ บางอย่างจะอ้างเหตุบันดาลโทสะหรือป้องกันตัว ต้องไม่เกินกว่าเหตุ สิ่งที่อาม่าโยนขยะลงไปสกปรก แต่คุณไปขู่ฆ่า ต้องแยกส่วนกันนะ สิทธิในการไปข่มขู่ขนาดนั้นมันเกินไป”

 

คุณวรวิทย์ คุณบอกว่าเคยถูกทำร้ายร่างกาย?

วรวิทย์ : “ปี 61 ผมเดินผ่านบ้านเขา เขาพูดเหมือนโกรธแค้น หน่วยงานรัฐไปคุยกับเขา ไปจี้เขาให้แก้ไขที่ร้าน เขาบอกผมไปแจ้ง แต่ผมไม่ได้ไปแจ้ง แล้วพอผมเดินผ่านปุ๊บเขาก็หยิบโต๊ะไม้แข็งๆ ฟาดผม ผมเอาแขนกันไว้ สองคนพ่อลูก”

 

นัน : “เหตุการณ์นี้เหมือนเขาเดินมา แล้วพูดจากัน ดิฉันไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ฟังวันที่ไปโรงพัก ไปตกลงกัน ดิฉันเห็นเขาตกลงกับแฟนดิฉัน แฟนก็บอกว่าเขาขอโทษนะ เขาร้องเรียนมากเกิน อาทิตย์ละครั้ง มันบันดาลโทสะ ขอโทษจริงๆ น้อง ไม่เป็นไร เหมือนตกลงกันแล้ว ลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยแล้ว สามีดิฉันก็เสียค่าปรับเรียบร้อยแล้ว ณ วันนั้น แต่ก็ยังไปแจ้งหน่วยงานอีก อาทิตย์ละครั้ง ไม่ใช่เดือนละครั้ง”

วรวิทย์ : “ผมไม่เคยแจ้ง ผมไปแจ้งครั้งเดียว”

นัน : “แล้วไปแจ้งอะไร”

วรวิทย์ : “วันนั้นเขาพูดกับผมด้วยอารมณ์โมโห แต่ผมแจ้งครั้งเดียว ไม่ได้แจ้งบ้านเขา ผมแจ้งทั้งแถบเลยว่ามีรถจอดอยู่มากมายมหาศาลจอดบนฟุตปาธ”

 

ปี 62 คุณตบอาม่าฟันร่วง ปี 64 คุณกระชากและเตะอาม่า ทางนี้เอาเรื่องถึงที่สุด?

วรวิทย์ : “แม่จะเอาเรื่อง”

 

อาม่า ขอดูฟัน กินข้าวยังไง?

อาม่า : “กินของเหลวๆ”

 

หักอยู่แล้วหรือเปล่าฟันน่ะ

อาม่า : “ไม่ มันชก เหมือนตบหัวก่อนแล้วกระชาก แล้วก็ชกเลย ร่วงหมด ก็จะเอาเรื่อง”

 

พี่นันละ?

นัน : “ไม่เป็นไร เขาจะดำเนินคดีเรา เราก็ยินดี แต่เหตุการณ์นี้เราไม่ได้ตั้งใจ”

วรวิทย์ : “ขี่มอเตอร์ไซค์ย้อนศรแบบนี้ ไม่ได้ตั้งใจเหรอ เขาขี่มอเตอร์ไซค์ย้อนศรมาปาดหน้าแม่ผม พฤติกรรมเขาขี่รถย้อนศรบนถนนฟุตปาธ ซ่อมรถบนฟุตปาธ ชอบเบิ้ล วัยรุ่นเขามีมากมายในบ้าน ตึกแถวเดียวมีเป็นสิบ ขับมาแล้วเบิล ก่อนออกจากบ้านก็เบิลรถแล้วออก ใครจะไปทนได้ อยู่ๆ ใครจะไปด่า”

ทนาย : “สรุปคือค่าเสียหาย อาม่ามีสิทธิเรียกร้องได้ จากการที่คุณนันทำร้าย ถ้าข้อเท็จจริงยุติอย่างนั้น ส่วนรายละเอียดปี 60 62 ก็เอามาแถลงต่อศาลได้ เพื่อประกอบการลงโทษของศาล”

 

จะย้ายบ้านมั้ย?

วรวิทย์ : “ไม่”

นัน : “ไม่ย้ายค่ะ

แล้วจะอยู่กันยังไง วันนึงจะฆ่ากันตายหรือเปล่า?

วรวิทย์ : “อันไหนละเมิดกฎหมายเดี๋ยวจะให้หน่วยงานรัฐจัดการ ต้องคืนฟุตปาธให้ประชาชน ตรงนั้นไม่ใช่ที่ซ่อมรถครับ”

นัน : “ช่วยบอกทั้งจังหวัดนนท์นะคะ ถ่ายรูปมาทั้งจังหวัดนนท์ ที่ให้คืนฟุตปาธ”

วรวิทย์ : “แต่เขาไม่มาสร้างความเดือดร้อนไงครับ เขาไม่ได้มานั่งเบิลรถเสียงดัง”

นัน : “คุณมีอะไรกับฉันหรือเปล่า”

วรวิทย์ : “ไม่มีครับ ผมเคยทำอะไรคุณหรือเปล่า”

นัน : “บ้านที่คุณเดินไปซื้ออาหาร เขายื่นมาจนถนน คนต้องลงไปเดินบนถนน คุณยังเดินไปซื้ออาหารได้เลย”

 

ไม่พอใจอะไรเขาหรือเปล่า กรณีที่คุณถ่ายคลิปเห็นแม่ถูกทำร้าย ทำไมไม่ลงไปช่วย?

วรวิทย์ : “ผมลงไปก็ไม่ทัน ขอถ่ายคลิปไว้ก่อน ผมได้ยินเสียงกลางๆ เรื่องแล้ว ลงไปก็ไม่ทัน”

 

ทำไมไม่ตะโกนห้าม?

วรวิทย์ : “คิดอะไรไม่ทัน”

ตอนนี้ที่มาที่ไป คุณจะบอกว่าตัวคุณยืนยันว่าบ้านคุณนัน ทำเหมือนร้านไดนาโม มีรถมอเตอร์ไซค์จอด 4-5 ห้อง เรียงเป็นตับ เสียงดัง ทางคุณทนไม่ไหว พอไปแจ้งเขามาตำหนิ โดนปรับ แต่เขาบอกโดนแจ้งทุกอาทิตย์เลย จริงมั้ย?

อาม่า : “ไม่จริง”

 

แถวนั้นเขาเดือดร้อนมั้ย?

วรวิทย์ : “บ้านข้างๆ เขาไม่มีคนอยู่”

 

เขาบอกร้านเครื่องเสียงแม่ก็ไปมีปัญหาเหมือนกัน?

วรวิทย์ : “ก็กรณีเดียวกัน เขาทำผิด กันสาดยื่นมาเยอะๆ ก็ผิดกฎหมายอยู่แล้ว มอเตอร์ไซค์จอดเต็มฟุตปาธเลย บางทีเอารถมาซ่อมบนฟุตปาธ”

 

อาม่าไปแจ้ง?

อาม่า : “เราไปแจ้ง เครื่องเสียงก็เคยทำร้าย แต่ลูกชายไม่รู้ เป็นร้านติดๆ กัน ตบและจิกผม”

 

ไปกล่าวหาเขาไม่ได้นะ?

อาม่า : “มีแจ้งความ”

 

ลูกชายไม่ทราบ อาม่าระวังเขาไปเอาเรื่องนะ?

อาม่า : “ไปแจ้งความไว้ เพราะเขาตบฉัน จิกผมจนผมร่วง”

 

อาม่าบ้านอยู่ตรงกลาง ร้านเครื่องเสียงกับร้านไดนาโมขนาบ?

วรวิทย์ : “ฝั่งนั้นไม่ได้คุกคามอะไร แต่ฝั่งนี้จะหนักหน่อย”

 

คุณนันขวดน้ำจิ้มเขาปาตอนไหน?

นัน : “ก่อนมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันประมาณ 2 ชม. แล้วเขาไม่ออกจากบ้านนะ เขาหายไปในบ้านเลย”

 

พอเขาออกมาก็ไปดักตบเขา?

นัน : “ใช่ อยากถามว่าเจตนาอะไร”

 

เขาปาไปหน้าบ้านเขาไม่ใช่เหรอ?

นัน : “ดิฉันเดินผ่านหน้าบ้านเพื่อเข้าบ้านตัวเอง แล้วเจตนาอะไร”

 

ร้านเครื่องเสียงที่อยู่ข้างๆ เคยทำร้ายอาม่าเหรอ?

นัน : “อันนี้ไม่ทราบ แต่ที่รู้ๆ เจ๊แกไม่เคยวุ่นวาย เพราะคลิปที่ยายหยิบขยะบ้านดิฉันไปโยนใส่บ้านเครื่องเสียง ร้านเครื่องเสียงนี่แหละยืนด่ายาย แต่ยายบอกว่ากูไม่ได้โยน ให้ไปถามอีนี่ อีนี่เป็นคนโยน ให้ทะเลาะกัน”

 

แล้วที่เดินอยู่คือใคร?

อาม่า : “ไม่ใช่ ดูให้ชัดเจนว่าเดินไปไหน ขยะของเรามีที่ไหน ขยะมาจากผู้หญิงคนนี้”

 

ฝั่งนี้เขายอมรับว่าเป็นขยะบ้านเขา แต่อาม่าเอาขยะบ้านเขาไปโยนทิ้งอีกบ้านนึง?

อาม่า : “ไม่มี มันมีตั้งสิบกว่าถุง”

 

วรวิทย์ : “ประมาณว่าเขาคิดว่าบ้านนี้เอามาวางบ้านเรา”

 

จะบอกว่าขยะบ้านเขามีถุงเดียว แต่บ้านนั้นเอาขยะมากองหลายถุง อาม่าเลยคิดว่าโดนแกล้ง เลยเอาขยะไปโยนทิ้งอีกบ้านนึง เลยเป็นประเด็นขึ้นมา เดินถือขยะไปหรือเปล่า?

อาม่า : “ไม่ถือ”

 

ในจอใช่อาม่าหรือเปล่า ตอนห้าทุ่ม?

อาม่า : “ไม่รู้”

 

เลิกด่าคนได้มั้ย?

อาม่า : “ไม่เคยด่าเลย”

 

เลิกด่าในบ้านเสียงดัง?

อาม่า : “ไม่มีเสียงดัง”

 

เอาฉี่ไปเทบ้านเขาจริงมั้ย?

อาม่า : “ไม่มี”

นัน : “พอเห็นเราตากผ้า ก็จะฉี่ใส่ขันแล้วสาดมาบ้านเรา คำขอโทษก็ไม่มีสักนิด เราโดนยั่วยุ เขาไม่เคยด่าเราซึ่งหน้า แต่พอเขาเข้าบ้านก็เปลี่ยนไปเลย ฝามันชนกัน แค่ตำน้ำพริกยังเสียงดังเลย เราอัดคลิปไว้ไม่ได้คิดอะไร ลองอัดดูเขาด่าอะไรเราบ้าง เราวางโทรศัพท์ไว้ พอมาฟังแล้วตกใจ ด่าเราขนาดนี้เลยเหรอ จะลองฟังคลิปเสียงก็ได้”

 

เปิดเลย?

นัน : “(เปิดคลิปเสียงอาม่าด่า)”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image