อ.ชา เผยเครื่องแต่งกายโยงการเมือง ‘จตุรงค์’ ชี้พุทธศาสนาอ่อนแอ สำนักพุทธฯไม่ว่าง จับร้านขายอาลัวอยู่

‘หนุ่ม กรรชัย’ ถึงกับมึน! ‘อ.ชา’ ปะเดือด ‘อ.จตุรงค์’ แรงมาแรงกลับไม่โกง

รายการโหนกระแสวันที่ 29 เม.ย. 64 “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์สองมุม “อ.ชา อนันต์ณังธะโคตร ญาณ์ธนโชต” และ “อ.จตุรงค์ จงอาษา” นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา กรณีเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ทำไมคนที่ตั้งตนเป็นผู้วิเศษ โผล่มามากมาย

อ.ชาเคยเป็นพระมาก่อน?
อ.ชา : เคยบวชมาก่อน

ทำไมแต่งชุดแบบนี้?
อ.ชา : มีปัญหากับพระผู้ใหญ่นิดหน่อย เลยไม่สามารถเป็นพระได้ ตอนนั้นตั้งใจบวชไม่สึก เพราะก่อนหน้านั้นเราเป็นนักธุรกิจ ประสบความสำเร็จเรียบร้อย คิดว่าจะไม่เอาอะไรแล้ว กะบวชตลอดชีวิตนั่นแหละ

Advertisement

อ.ชา ตอนเป็นพระมีน้ำมีนวล ทำไมพอสึกจากพระแล้วผอม?
อ.ชา : ตอนนี้น่าจะงานหนักหน่อย

หรือตอนเป็นพระฉันเยอะ?
อ.ชา : ก็เป็นไปได้หมด ตอนนั้นกินยาด้วย เลยอ้วนหน่อย

ชุดนี้ทำไมต้องตัด ได้แรงบันดาลใจจากที่ไหน อยากเป็นสจ๊วต หรืออยากเป็นแอร์หรือเปล่า?
อ.ชา : ตอนนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่พอมีปัญหากับพระผู้ใหญ่เริ่มเรื่องใหญ่ขึ้น ก็เลยพูดไปว่าเดี๋ยวผมจะไปสึกเอง และไปประกาศศาสนาใหม่ ตอนนั้นพูดไปต่อหน้านายอำเภอด้วย

พอสึกแล้วก็จำเป็นต้องทำแบบที่พูด อีกอย่างเราตั้งใจแล้วว่าจะบวชไม่สึก พอสึกก็ไม่สบายใจ ไหนๆ ก็ไหนๆ เราอยู่อย่างไรก็ได้ อีกอย่างคิดว่าศาสนาเป็นเรื่องสมมุติขึ้นมา ไหนๆ เราพูดแล้วก็ทำตามคำพูดให้ได้

ทีนี้การประกาศศาสนามีกฎเกณฑ์ว่าเราต้องมีธรรมขึ้นมา มีการแต่งกายของเรา ก็ได้ชุดนี้ขึ้นมา แต่ขณะที่ออกแบบมันเชื่อมโยงกับสถานการณ์การเมืองด้วย มีเสื้อแดง เหลืองทะเลาะกัน ก็เลยเอามารวมกันให้เป็นกลอุบาย เหลืองแดงก็รวมกันได้ โดยความคิดส่วนตัวทุกศาสนาทำไมต้องแบ่งชนชั้นกัน ก็เลยออกแบบให้กลมกลืนกันหลายๆ ศาสนาดีกว่า แค่นี้แหละไม่ได้มีอะไร

ตัดมากี่ชุด?
อ.ชา : สองชุดสลับกัน เวลานอนใส่ชุดข้างใน อันนี้ก็แขวนไว้

หมวกล่ะ?
อ.ชา : มีอันเดียว หมวกไม่ได้ใช้อะไรมาก ยกเว้นไปข้างนอก

ท่านโกนหัวมั้ย?
อ.ชา : ก็โกนหัว

ใส่นาฬิกาได้ด้วยเหรอ?
อ.ชา : เราเป็นศาสนาตัวเอง ใส่ได้

ศาสนาอะไร?
อ.ชา : เป็นศาสนาธรรมชาติ ทีแรกใช้คำว่าพุทธะธรรมชาติ แต่ทีนี้ผู้ใหญ่เขาไม่ยอม เพราะยังมีคำว่าพุทธอยู่ นายอำเภอเลยให้ตัดคำว่าพุทธออก เป็นธะธรรมชาติ

อ.ชาไม่กลัวสังคมมองเราเป็นตัวตลกเหรอ?
อ.ชา : ไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว เพราะทุกวันนี้เราทำเพื่อสังคมอยู่แล้ว

ทำอะไรเพื่อสังคม สังคมอยากให้เราทำให้หรือเปล่า?
อ.ชา : ใครเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ เราก็ช่วยหมด ต้องเข้าใจก่อนว่าอาจารย์ไม่มีการขอ ห้ามมาทำบุญกับอาจารย์ ไม่เคยจับเงิน 20 ปี ไม่เคยแตะต้องเงินเลย

ตอนเป็นพระล่ะ เขาว่าตอนเป็นพระ อ.ชาเคยมีประเด็นไปบอกว่าตัวเองเลือดหัวแตกไหลออกมาเป็นพระธาตุ?
อ.ชา : ตอนนั้นเขากำลังก่อสร้างอยู่ แล้วกระโดดขึ้นนั่งร้านแล้วไปโดนเหมือนเหล็กปักที่หัว คนงานก็ลงมาทำแผลกัน ด้วยอากาศ ด้วยลม และใช้เวลานิดนึงก็อาจแข็งตัวเล็กน้อย ไม่ได้มีอะไรเลย

ไม่ใช่ไปเอาสารอยู่ในแพมเพิร์สมาผสมแล้วเป็นเม็ดแบบนี้?
อ.ชา : อันนั้นก็ค่อยไปพิสูจน์กัน

เขาพิสูจน์มาแล้ว บอกว่าไม่ใช่นะ
อ.ชา : ไม่รู้เอาจากที่ไหนมาพิสูจน์กัน

อ.อ๊อดเอาไปพิสูจน์?
อ.ชา : อ.อ๊อดกับผมไม่เคยรู้จักกันเลย และไม่เคยได้คุย ไม่เคยเห็นกันเลย

เขาเอาไปพิสูจน์ เป็นนักวิชาการ?
อ.ชา : ก็นั่นแหละ คนเราเป็นนักวิชาการ วันนั้นจริงๆ เลือดออกไม่ได้มากมาย แค่นิดเดียว แล้วแม่อาจารย์เองเป็นคนทำแผล นิดเดียวไม่ได้มากอะไร แต่ที่ออกไปไม่รู้เอามาจากไหน

อ.ไม่รู้เรื่อง ลูกศิษย์ลูกหาไปลงกันเอง?
อ.ชา : ใช่ ตอนนั้นบวชได้ไม่นาน หลังจากนั้นพอเกิดเรื่อง อยู่มาปีกว่าถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะวันนั้นมีคนทำแผลเขาเห็นแข็งๆ อาจารย์ห้ามเองว่าอย่าถ่ายรูปและอย่าไปบอกใครนะ อีกปีเรื่องนี้ออกมา แล้วโดน

โดนขับออกจากวัดมั้ย?
อ.ชา : คนละเรื่องเลย ไม่ใช่เรื่องนี้ ที่มีปัญหาที่วัด เรามีปัญหากับคณะกรรมการวัด ไปปลดเขาออกทั้งหมด เขาเลยหาเรื่องเรา เรื่องคอกม้า ตอนนั้นเรื่องคอกม้าอย่างเดียวเลยที่มีปัญหา

เขาบอก อ.ไปปฎิบัติธรรมกับม้า?
อ.ชา : เขาไปคิดกันเอาเอง เป็นสื่อช่องนึงไปออก

ฟ้องมั้ย?
อ.ชา : ไม่ได้ฟ้องอะไร ตอนนั้นมีคนบริจาคม้า 7-8 ตัว ทีนี้ก็ต้องทำคอกให้เขา แล้วคอกนั้นชาวบ้านก็บริจาค พอทำเสร็จฝ่ายตรงข้ามที่เป็นคณะกรรมการอยากจะหาเรื่อง ก็เอาคอกนี้ออกให้ได้ เขาก็จัดตั้งคนประมาณ 30 กว่าคนเป็นวัยรุ่น แต่ที่เห็นคนเยอะๆ เป็นฝั่งเราอยู่แล้ว อาจารย์ก็กลัวมีปัญหา เพราะพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่สีแดงอยู่แล้ว ก็เลยบอกว่าอย่ามีปัญหากัน อยู่เฉยๆ เดี๋ยวจัดการเอง สุดท้ายก็มีปัญหากัน

ทำให้ อ.ต้องสึกออกมา และออกมาตั้งศาสนาเอง และแต่งชุดแบบนี้เพื่อความสบายใจ?
อ.ชา : ตอนนั้นไม่ได้สึก ไปอยู่อีกที่นึง แต่งชุดแบบนี้เพื่อความสบายใจ เราตั้งมั่นและตั้งจิตอธิษฐาน

คนพุทธเขาสบายใจกับสิ่งที่เราทำมั้ย?
อ.ชา : เราไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อน สำคัญว่าเราทำอะไรให้เขาเดือดร้อน เราก็ทำตัวปกติ อยู่บ้านทำธุรกิจกัน

ล่าสุดปกป้องพระพุทธะเทพสุริยะจักรวาล ฝากถึงหมอปลา เรียกไอ้หมอปลา ที่มาจากที่มืด จะไปยังที่มืด หาเรื่องกลั่นแกล้งลูกศิษย์อาจารย์ คำว่าไอ้หมอปลามาจากที่มืดกำลังจะไปยังที่มืด พระมหาไพรวัลย์มาจากที่สว่าง กำลังจะไปที่มืด คืออะไร?
อ.ชา : เรื่องนี้น่าจะเข้าใจกันว่ามาจากที่มืดคือมาจากอบายภูมิ มาจากเปรต

อดีตชาติเป็นเปรตมาจากที่มืด ถ้าทำแบบนี้อีกเดี๋ยวจะกลับไปเป็นเปรต แล้วไปเกี่ยวข้องอะไรกับพุทธะเทพสุริยะจักรวาล ไปโหนกระแสเขามั้ย?
อ.ชา : ไม่ ตอนอาจารย์บวช เขาโดนของมา พ่อพามาให้อาจารย์ช่วย เราช่วยไปตามประสา พอหายเขาก็มาขอบวชอยู่ด้วย อยู่กัน 2-3 ปี เป็นอาจารย์

ล่าสุดเขาจะให้ อ.ชาเป็นคนฟ้อง?
อ.ชา : ตอนนี้ไม่ได้เข้าข้างใคร พยายามให้ทีมงานไปสืบเสาะว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง ถ้าเขาทำผิดก็ว่ากันไปตามผิด ไม่ใช่ลูกศิษย์เราทำผิดแล้วไปช่วยเหลือ แต่ถ้ารู้ว่าสิ่งที่เป็นข่าวหรือที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไม่จริง อ.ก็จำเป็นต้องฟ้องร้อง คนที่สร้างประเด็นนี้ขึ้นมา

โสสิล่ะ พ่อกุศลล่ะ?
อ.ชา : ไม่ได้สนิทกันมากมาย วันก่อนเขาให้ไปดูบ้าน คุยกันปกติ ส่วนมากเขาจะถามเรื่องบ้านเมือง การแก้ปัญหาเรื่องบ้านเมืองเป็นยังไง เป็นการคุยกัน

เหมือนเป็นการรวมตัวกันของอเวนเจอร์?
อ.ชา : ไม่ ภาพนี้ตอนนั้นไปเจอกรมที่ดิน

อ.จตุรงค์แอบถอนหายใจ?
อ.จตุรงค์ : น่าเบื่อ ทนฟังอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ผมดีใจกับเขาที่ออกมาตั้งศาสนาเอง อย่างน้อยได้ล้างมือในอ่างทองคำอะไรที่พลาดไปแล้วที่ชะอวดที่นครฯ พลาดไปแล้วจะได้เริ่มต้นใหม่ อย่างพระธาตุ ขี่ม้า ให้แล้วๆ ไป เริ่มต้นใหม่ แต่คนอย่างเขาเริ่มต้นใหม่ไม่ได้นะ เนรคุณด้วย ถ้าผมไม่พูดถึงเขา จะมีคนรู้จักเขามั้ย

วันนั้น อ.จตุรงค์มาออกรายการ พอดี อ.อ๊อดโฟนอินเข้ามา อ.อ๊อดบอกว่าพิสูจน์แล้วเรื่องพระธาตุ อ.ชาก็ไม่ใช่เรื่องจริง อาจารย์บอกประมาณอย่างนั้น ปรากฏ อ.ชาไปฟ้อง อ.จตุรงค์ จริงมั้ย แล้วไปฟ้องเขาทำไม?
อ.ชา : ฟ้องจริง เขาเป็นส่วนสนับสนุน อ.อ๊อด ต้องไปย้อนดูว่าเขาพูดอะไร

จิตใจเมตตาธรรมไม่มีเหรอ?
อ.ชา : มี

อ.จตุรงค์ : นี่มีแล้วเหรอ

อ.ชา : ฟังก่อน

อ.จตุรงค์ : ถ้าจะให้ผมฟังก่อน คุณควรคุยให้พนักงานสอบสวนโทรหาผมมั้ย คุณควรคุยกับทนายผมมั้ย แต่พอมาถึงรายการคุณบอกจะฟ้องผม ถ้าคุณอยากคุยกับผม คุณโทรหาผมก็ได้ ถ้าอยากให้ผมฟังคุณ ก่อนคุณเดินไปหาพนักงานสอบสวน คุณควรเดินมาหาผม ก่อนให้อภัยการสั่งฟ้อง คุณควรมาคุยกับผม ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำคุณไปฟ้องศาลไคฟง หรือศาลเพียงตาที่ไหน เพราะผมไม่เห็นพนักงานสอบสวนติดต่อผม

อ.ชา : คุณเป็นนักวิชาการ ภาษาที่คุณพูดอ่ะ

อ.จตุรงค์ : นักวิชาการก็ว่ากันด้วยเอกสาร คุณเอาเอกสารมาวางว่าฟ้องผม

อ.ชา : เอาเถอะ ตามสบาย

อ.จตุรงค์ : ไหนล่ะ ใบแจ้งความเอามาวางตรงนี้ แล้วผมจะโทรไปหาพนักงานสอบสวนเดี๋ยวนี้ อยู่ๆ คุณมาบอกผมก่อนเข้ารายการว่าคุณฟ้องผม คุณจำข้อหาได้มั้ย คุณฟ้องผมข้อหาอะไร ผมทำอะไรผิด แล้วคนอย่างคุณมันเนรคุณ วันนี้คุณได้มากินค่าตัวในรายการเพราะใคร ถ้าผมไม่เอ่ยชื่อคุณในรายการนี้ คนไทยไม่รู้จักคนอย่างคุณหรอก

อ.ชา : เราไม่ได้ไปแจ้งความ

จตุรงค์ : แล้วคุณเอาอะไรไปฟ้องผม

อ.ชา : ก็อัยการเขาฟ้องเอง

ในมุม อ. มองยังไง ทำไมประเทศไทยมีผู้วิเศษต่างๆ นานาเกิดขึ้นมากมาย?
อ.จตุรงค์ : ศาสนาพุทธอ่อนแอ สังฆาธิการท้องที่คุมเขาได้มั้ยล่ะ คนเราจะเป็นเจ้าอาวาส เจ้าสำนักได้ สองอย่างสำคัญ หนึ่งพระสังฆาธิการเอาด้วยกับคุณมั้ย คุณชนะใจเขาได้หรือเปล่า สองชาวบ้านในพื้นที่คุณชนะใจเขาได้หรือเปล่า จากอดีตที่เขาอยู่ชะอวด เขาล้มเหลวไง แต่เพราะเขาทำไม่ได้ก็เลยออกมาจากท้องที่ วันนั้นคุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าให้สัมภาษณ์ไปกี่สื่อเรื่องเลือดพระธาตุคุณ ถามว่าในแล็บที่เอาเลือดไปตรวจ ถ้าคุณไม่ได้หมายให้นักข่าวไป นักข่าวจะรู้มั้ย ตัวอย่างเลือดคุณถ้าไม่ส่งไปแล็บเกษตรศาสตร์เขาจะรู้มั้ย

แต่ประเด็นคือทำตัวเองทั้งนั้น ผมบอกเลยไม่มีปัญหากับเขา เขาจะใส่ชุดอะไร ยินดีกับเขา แต่อดีตที่ผ่านมา มันเปลี่ยนได้หรือเปล่า แม้แต่ตอนต้นคุณไปตั้งสำนัก คุณมีคดีความถึงชั้นอุทธรณ์ คุณก็เปลี่ยนไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ในสำนวนทั้งนั้น คุณจะมาว่าผมเป็นนักวิชาการ นักวิชาการต้องว่าด้วยเอกสารและกระดาษ ขอสักเอกสารได้มั้ย

อ.ชา : ต้องพึ่งด้วยเหตุผลด้วย

อ.จตุรงค์ : เหตุผลไม่รู้หรอก

อ.ชา : อดีตคุณยังไม่รู้เรื่องเลยว่าเป็นแบบไหน ยังไง ผมไม่ได้ผิดอะไร

อ.จตุรงค์ : แล้วทำไมสังฆาธิการท้องที่เอาชื่อคุณออก

อ.ชา : อะไรคือสังฆาธิการท้องที่ เป็นนักวิชาการแต่ฟังแต่ข่าว คุณต้องศึกษาด้วยว่าสิ่งเหล่านี้เป็นจริงมั้ย

อ.จตุรงค์ : แล้วผมแล็บล่ะ

อ.ชา : ผลแล็บ อ.อ๊อดที่ฟ้องไป เพราะที่ตรวจไปตรวจอะไร เป็นนักวิชาการถ้าจะพิสูจน์โอเค แต่ต้องเอาจากเรา

อ.จตุรงค์ : คุณระวังนะ ถ้าวันนี้เขาเบิกความว่าตัวอย่างได้จากนักข่าวคนไหน ในอดีตที่ปกปิดทั้งหมด มันจะอยู่ในสำนวนไปทั้งชีวิต คุณคิดให้ดี อย่าคิดว่าเปลี่ยนชื่อเป็นสารพัดโคตร เปลี่ยนไม่ได้นะ คนจะจำชื่อคุณได้ทั้งชีวิตแล้วนะ

อ.ชา : เวลาใช้คำพูดอะไร ให้สมกับที่เรียนมาบ้าง

อ.จตุรงค์ : คุณก็พูดให้สมกับเป็นเจ้าสำนักบ้าง เนี่ยเหรอคุณเป็นเจ้าลัทธิ เจ้าลัทธิสนับสนุนอาชญากรบ้านเมือง

อ.ชา : นี่คุณกล่าวหา คุณพูดมาได้ไงว่าอาชญากร เขาผิดหรือยัง

อ.จตุรงค์ : ถ้าไม่ผิดจริงจะไปบุกสำนักมั้ยล่ะ แล้วเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจอะไร เขาไปปิดสำนักแล้ว คุณรู้หรือยังว่าโดนอะไรบ้าง

อ.ชา : ต้องฟังด้วยเหตุและผล อย่าไปใช้อารมณ์อะไรเขาเสียงดังมา เราต้องเสียงดังไป เราทำอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ให้ไว้อยู่แล้ว

ไม่กลัว ตร.จับเหรอ?
อ.ชา : เราคุ้มครองด้วยรัฐธรรมนูญ คุณไปดูมาตรา 4 31 และ 67 สิ สิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา มาตรา 67 บอกว่ารัฐต้องคุ้มครองศาสนาพุทธและศาสนาอื่นๆ

ในฐานะที่อาจารย์มีลูกศิษย์ลูกหา ทำไมต้องมีคนแปลกๆ แบบนี้ขึ้นมา?
อ.ชา : จริงๆ เรื่องนี้อาจารย์ไม่ได้เห็นด้วยทุกอย่าง การที่เราสอนออกไป เป็นหลักธรรมะที่ทำยังไงให้อยู่เป็นสุขได้ ไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น

อาจารย์แน่ใจไม่ได้หลอกคน?
อ.ชา : ไม่ได้หลอก คำว่าหลอกต้องหวังเงิน หวังทรัพย์สมบัติ หวังอะไรสักอย่าง

หลอกให้หลงเชื่อว่าเรามีอิทธิฤทธิ์ ให้คนมาทำบุญ ภาพที่อาจารย์นอนหลับแล้วฝัน ตื่นมามีเงินเต็มตัว นี่อะไร?
อ.ชา : อาจารย์ไม่สบายหนัก เป็นไข้ เหมือนใจสั่น หลับอยู่ ตื่นมาก็ไม่ได้เห็นเงินพวกนี้นะ มารู้ทีหลังว่าลูกศิษย์ถ่ายกันไว้ ก็ถามว่าใครมาเล่นพิเรนทร์เอาเงินมาไว้ข้างบน เขาก็บอกว่าไม่ได้ทำ ทีแรกก็คิดว่าคนมาเล่น ก็บอกว่าแจกให้หมด ก็แจกกันไป พอแจกกันไป ก็ไม่ได้อะไร คิดว่าถ้าเห็นว่าคนมาเล่นคิดว่ามีความสุข

อาจารย์ฝันว่าอะไร?
อ.ชา : ฝันว่ามีเทวดามาอยู่รอบๆ ตัว เอาดอกลีลาวดี โยนมา 3-4 ดอก แค่นั้น

ตื่นมาเป็นเงิน คนเลยไปฮือฮาว่าเป็นผู้วิเศษ เทวดานางฟ้าโปรยดอกไม้แล้วกลายเป็นเงิน?
อ.ชา : ตอนตื่นมาไม่เห็นเงิน ภาพที่เห็นเป็นลูกศิษย์เฝ้าไข้ถ่าย ทุกคนรู้กันหมด อ.ไม่เคยแตะเงิน ย่ามที่ถือก็ไม่เคยมีเงิน

อ.จตุรงค์ คนออกมาตั้งศาสนาเอง มีสิทธิทำกันได้ด้วยเหรอ?
อ.จตุรงค์ : เขาอยากทำก็ทำไปเถอะ ผมหวังว่าเขาจะเลิก เป็นคนดี มีศาสนาเองแล้ว หวังว่าจะเปลี่ยนตัวเอง ที่พลาดไปแล้ว แต่สุดท้ายก็คงลืมไม่ได้ ก็มาเคลมเป็นอาจารย์พุทธเทพสุริยะ คุณบอกคุณไม่จับเงิน นาฬิกาเรือนทองที่ใส่เรือนเท่าไหร่

อ.ชา : อันนี้ไม่ใช่เงิน บางทีเวลาเราก็ต้องดู

อ.จตุรงค์ : สิทธิเสรีภาพทางศาสนา หมายถึงศาสนาที่เขามีอยู่แล้ว ศาสนาที่เขาตั้งขึ้นมา นี่คุณอยากเป็นศาสดา แก้ไขอะไรก็ได้ อวดอ้างว่าคุณไม่จับเงิน วิเศษกว่าพระสามแสนรูปในประเทศนี้ แต่คุณใส่นาฬิกาเรือนทอง ไม่แพงกว่าเหรอ คุณอวดอ้างไม่จับเงินจับทอง แต่มีรูปภาพออกมา มีเงินโรยอยู่บนตัว

ทำไมไม่มีหน่วยงานไหนมาจัดการ?
อ.จตุรงค์ : เขาไม่ว่าง มัวแต่ไปจับร้านขนมอยู่ไงช่วงนี้ บ้าจับร้านขนมอาลัว ทีอย่างนี้หน้าที่กรมการค้าภายใน ไอ้หน่วยงานอย่างกรมศาสนา หรือสำนักงานพุทธก็ดันไปยุ่มย่ามไปจุ้นจ้านกับร้านขนม แทนที่จะมาจัดการกับบุคคลเหล่านี้

ผมถามนะ ถ้าไม่มีสื่ออย่างคุณหนุ่มคอยเจ้ากี้เจ้าการจัดการคนพวกนี้มันจะเป็นข่าวมั้ย อย่างกรณีพระตัดหัวจะเป็นข่าวมั้ย พุทธสารพัด แม่ชีอรหันต์ แม่ชีตกทอง ก็ทำงานกันไปได้เรื่อยๆ สบายๆ กลายเป็นว่าทุกวันนี้บ้านเมืองอยากได้ความถูกต้องอะไรต้องร้องไห้แหกกระเชอมาหาคุณหนุ่ม กรรชัย พุทธอภิวรรณ เราจะปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้เหรอ มีผู้วิเศษเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันต้องมีมาตรการ แล้วถามว่าเขาอยู่กับศาสนาไหนได้ล่ะ พลิกไปพลิกมาแล้วมาตั้งศาสนาเอง

ตอนนี้ไม่นับถือศาสนาพุทธ?
อ.ชา : ไม่ ออกจากพุทธแล้ว เจอพระไม่ไหว้

อาจารย์มีเมียมั้ย?
อ.ชา : มี

อ.จตุรงค์ : คุณมีชุดคำสอนหรือยัง คุณมีสาวกมั้ย เมื่อกี้คุณพูดเองว่าคุณมีแค่ภรรยาสองคน แล้วคุณอย่าบอกคุณเป็นศาสนา แต่ไม่มีสาวกแล้วจะเรียกว่าอะไร

อ.ชา : คนมารับฟัง ไม่จำเป็นต้องมานับถือศาสนาอาจารย์ เอาแค่เป็นเหตุเป็นผลพอ ทำแล้วมีความสุข คนอื่นไม่เดือดร้อน ไม่ต้องมานับถือศาสนาอาจารย์

มีคนพูดถึงกันมากว่าอาจารย์มักมอนิเตอร์ว่าใครพูดถึงอาจารย์ ใครว่ากระแนะกระแหน อาจารย์ฟ้องหมดเพือเรียกเงินเขา?
อ.ชา : สาบานตรงนี้ ตั้งแต่ฟ้องมา ไม่ได้เรียกเงินใครเลย แต่ที่ฟ้องเพื่อให้เห็นว่าอันไหนถูกอันไหนผิด

ศาสนาอาจารย์ทำอะไรได้บ้าง?
อ.ชา : ทำได้ทุกอย่าง เราไม่พึ่งคนอื่น เราพึ่งตนเอง

มีคนนับถือศาสนาอาจารย์เยอะมั้ย?
อ.ชา : มี พอประมาณ ก็สอนให้เขาเป็นคนดี รู้เรื่องกรรม พื้นฐานหลักสอนเรื่องกรรมก่อน ทำกรรมยังไง จะเกิดผลยังไง ที่ฟ้องเราไม่ได้อาฆาตแค้นโกรธเคือง แต่ ณ ตอนนั้นเราพยายามติดต่อ

วันนั้น อ.อ๊อดแค่ยกตัวอย่าง ไม่ได้มีอะไรเลย แต่อาจารย์ไปฟ้องเขา?
อ.ชา : คนฟังรู้สึกว่าสิ่งที่ผ่านมา อาจารย์ผิดไง

อ.จตุรงค์ : อย่าลืมนะวันนั้นทำให้คุณมานั่งตรงนี้ได้นะ คุณคิดดีๆ คุณมีชื่อเสียงใส่ชุดนี้ ไม่ใช่เพราะคำพูดผมเหรอ

อ.ชา : ไม่ อาจารย์มีชื่อเสียงตลอดอยู่แล้ว อยู่ในข่าวตลอดอยู่แล้ว

อ.จตุรงค์ : เฟซบุ๊กคุณ คนกดไลค์เท่าไหร่

อ.ชา : ไม่ได้สนใจเรื่องเฟซบุ๊ก

อ.จตุรงค์ : แล้วเปิดทำไมล่ะ

ตอนนี้กลัวว่าเวลามาออกอย่างนี้ จะมีคนไปอยู่ในศาสนาเขา?
อ.จตุรงค์ : ก็ให้เขามี ถ้าเขาจะมีศาสนาต้องมีชุดคำสอนหลัก มีศาสดา ยูนิฟอร์ม มีสาวกครบมั้ย ถ้าบอกมีกันอยู่สองคนผัวเมียจะเป็นศาสนาได้ยังไง แล้วศาสนาปแบบกลิ้งกลอก ก็กลายเป็นว่าคุณเที่ยวไปขโมยธรรมะหรือหลักธรรมศาสนาโน้นศาสนานี้มาเป็นของคุณ คุณตรัสรู้อะไร

อ.ชา : แสดงว่าธรรมะเป็นของคุณเหรอ จำไว้เลยนะ ธรรมะเป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว

อ.จตุรงค์ : ธรรมะแปลว่าคำสอน ศาสนาไหนก็มี คุณช่วยร่างธรรมนูญคำสอนศาสนาคุณให้ชัด ไม่ใช่ไปแอ๊บแอ้เอาจากศาสนาโน้นนี้

อ.ชา : แล้วรู้ได้ไงว่าเราไม่มี

อ.จตุรงค์ : ช่วยทำอย่างเปิดเผย ให้ฟอลโลเวอร์คุณตามในเฟซบุ๊กคุณเยอะๆ เวลาคุณไปเบิกความที่ศาล ไม่ใช่ถึงเวลาหน้าม้าคุณมีอยู่สองคน มันไม่ใช่

อ.ชา : ไม่ใช่หน้าม้า เป็นนักบวช มีอยู่ 2 คน ที่คุณพูดมาเรามีทั้งหมด

ตอนนี้มีอิทธิฤทธิ์มั้ย?
อ.ชา : ต้องเข้าใจว่าอิทธิฤทธิ์มีหลายอย่าง อย่างน้อยต้องมี 2 ประเภท อิทธิฤทธิ์วิทยาศาสตร์กับไสยศาสตร์ ถามว่ามีฤทธิ์มั้ย มี

อ.จตุรงค์ : ไม่เคยเห็นชัดๆ เลยสักคนที่บอกว่ามีๆ ของเขามีหรือเปล่าล่ะ ที่มีๆ ต้องมาตั้งศาสนาเพราะอดีตเขาเคยมี ก็ให้เลิกซะ อะไรที่เคยทำมา

อ.ชา : นี่พอมาพูด ยังมาบอกว่าเราทำผิดอย่างนั้นอย่างนี้ คุณมาใช้ให้เราเลิกในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ

อ.จตุรงค์ : ผมก็อยากรู้เหมือนกันเวลาไปเบิกความในศาล ใครเป็นคนส่งรูปให้นักข่าว อยู่ดีๆ คนเอาเงินมาโปรย คนหรือเทวดา นาฬิกาเนี่ย คุณบอกคุณไม่จับเงิน แต่มีนาฬิกาทองคำหรูหรา เรื่องไข่ปลาวันนั้น ใครเอาไปให้นักข่าว คุณไม่รู้ใช่มั้ย

อ.ชา : งั้นก็ไปพิสูจน์ว่าใครผิดใครถูก รับทุกอย่าง ที่อยู่ได้ทุกวันนี้ทั้งที่ทุกคนจะเล่นงานเพราะไม่เคยทำผิดอะไร ถ้าทำผิดคงอยู่ไม่ได้อย่างทุกวันนี้ แล้วที่ออกมาเพราะมีปัญหากับพระผู้ใหญ่

อ.จตุรงค์ : อย่าเรียกว่ามีปัญหากับพระผู้ใหญ่ ให้เรียกว่าคุณไม่ทำตามคำสั่ง รูปนักข่าว เจ้าคณะอำเภอไปหาคุณทำไม ไปกินน้ำชาเล่นเหรอ พระสี่ห้าคนที่ไปและมีคำสั่งลงมา เขามีคำสั่งอะไร

อ.ชา : พระที่ไปมีองค์เดียวคือเจ้าคณะตำบล ไปปกป้องผมอย่างเต็มที่ คุณไม่รู้หลักการเชื่อมโยง 1 2 3 เลยว่าคืออะไร เหตุที่เกิดขึ้น เกิดด้วยสาเหตุอะไร

อ.จตุรงค์ : คุณอย่ามาพูดเอาหล่อแบบนี้ ประเด็นคือคุณอยู่ไม่ได้ คุณไม่สามารถทำตามคำสั่งพระสังฆาธิการเขาได้

อ.ชา : เขาสั่งเรื่องอะไร พิสูจน์ได้ทั้งหมด คุณไปพามาเลยที่คุณว่าทั้งหมด อ.มีปัญหากับเจ้าคณะภาคสุราษฎร์ฯ นั่นแหละ ที่ออกมาเพราะเรียกเจ้าคณะอำเภอ เรียกทุกคนมาประชุมกันเลยว่าอาจารย์มาบวชไม่อยากได้อะไรแล้ว มาทะเลาะกันพระพุทธศาสนาจะเสียหาย เอาอย่างนี้ผมจะสึกและออกจากศาสนาเพื่อไม่ให้ศาสนามัวหมอง แค่นั้น แล้วพอผมประกาศศาสนาใหม่ เป้าหมายของผมชัดเจนเลยว่าจะปกป้องพระพุทธศาสนา เหมือนที่คุณพูดออกมาเห็นด้วยทุกอย่าง

อ.จตุรงค์ : แล้วทำไมคุณไม่ตักเตือนลูกศิษย์คุณ

อ.ชา : ตอนออกมาปั๊บเราไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่ไม่ได้ช่วยเขาทั้งหมด ก็ให้ทุกคนไปสืบเสาะว่าเป็นยังไง

อ.จตุรงค์ : สืบได้ทุกอย่าง แต่หาเบอร์ผมไม่ได้

อ.ชา : ผมสืบแล้ว แต่เขาไม่ให้ ก็คิดว่าเดี๋ยวจุดนี้คงได้มาคุยกันอยู่แล้ว

เอาเป็นว่าอิทธิฤทธิ์มีแต่ไม่ใช้?
อ.ชา : ศาสนาผม ผมจัดการเรียบร้อย ไม่ได้อ้างศาสนาพุทธ แต่จะบอกให้ชัดเจนว่าศาสนาของเรา อย่างน้อยๆ ปกป้องศาสนาพุทธ

อ.จตุรงค์ : ปกป้องตัวคุณเองให้ได้ก่อน

อ.ชา : ปกป้องได้อยู่แล้ว ใครทำอะไรได้บ้าง

คดีความมีมั้ย?
อ.ชา : มีเรื่องเดียว เป็นเรื่องธุรกิจที่โดนกลั่นแกล้งกันมา เดี๋ยวจะรู้ว่าคนกลั่นแกล้งเราจะเป็นยังไง มีคดีเรื่องเดียว คือเรื่องโครงการที่ทำ แต่ไม่ละเมิดศาล

ถอนฟ้องเขาได้มั้ย?
อ.ชา : คุณให้ผมถอน ในอากัปกิริยามารยาทแบบนี้เหรอ

อ.จตุรงค์ : คุณทำใจดีๆ แล้วไปถอนฟ้องซะดีๆ ดีกว่า ผมทำอะไรผิดครับ อย่าให้ผมลุกมาจัดการ

อ.ชา : อย่ามาขู่

อ.จตุรงค์ : ไม่ได้ขู่ คุณกำลังละเมิดผมอยู่ รู้ตัวหรือเปล่า อยู่ๆ มาพูดออกสื่อว่าฟ้อง ไหนล่ะคำสั่งศาล หมายศาล ไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง

ทำท่าอะไร?
อ.ชา : ศาสนาเรายกมือไหว้ไม่ได้ การยกมือ คือเราเคารพนอบน้อม ไม่คล้ายโสสิ อย่าไปเปรียบเทียบ ของคุณกุศล อาจารย์ไม่เห็นด้วย เพราะไปพูดถึงพระอริยเมตรไตรย

อ. จตุรงค์ : แต่คุณไปหาเขาทุกคนเลย ผมตัดใหม่มาก รูปเมื่อกี้

อ.ชา อย่างน้อย 2-3 ปีแล้ว ผมไม่เจอเขานานแล้ว

รู้มั้ยเขาเป็นแบบนี้?
อ.ชา : เห็นข่าวแต่พูดกับทุกคนว่ามันไม่ใช่ ไม่เห็นด้วย

ถอนฟ้องได้มั้ย?
อ.ชา : ดูที่เขาพูดมา วันนี้มาอยากจะถอน แต่ดูสิ

อ.จตุรงค์ : ให้มันมาถึงแล้วกัน เมื่อกี้พูดในรายการว่าไม่อยากได้ตังค์ ถ้าเห็นในคำฟ้องมีตัวเลขสักสลึงเดียวนะ คุณคอยดูใครหมา อย่าให้เห็นแล้วกัน ในคำฟ้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image