‘พิธา’ เปิดใจเรื่องรัก เผยไม่ปิดกั้นตัวเอง รับมีคนทัก DM จีบ

‘พิธา’ เปิดใจเรื่องรัก เผยไม่ปิดกั้นตัวเอง รับมีคนทัก DM จีบ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เปิดใจในรายการ WOODY FM Candidate พร้อมกับตอบคำถามตรงไปตรงมาทั้งเรื่องพรรค และเรื่องส่วนตัว

ตอนหนึ่ง วู้ดดี้ถามพิธาว่า หลายๆ คนเลือกพรรคนี้ เพราะคนหล่อมากเลยค่ะ เคยได้รับฟีดแบ๊กมาบ้างไหมว่าบางคนจะเลือกพรรคก้าวไกลเพราะหน้าตา ไม่ใช่เพราะนโยบาย?  

“ผมว่าต้องถามกลับว่า หล่อตรงไหน? (หัวเราะ) ก็คงจะเป็นภาพในอดีต อันนั้นก็คงจะเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้เป็นทั้งหัวหน้าพรรค เป็นทั้งอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นทั้งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นทั้งพ่อเลี้ยงเดี่ยว แค่ 4 อันนี้ที่ผสมอยู่ในประโยคเดียวกัน ผมว่าพี่วู้ดดี้ก็ไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน

ADVERTISMENT

มีเวลาทำงานให้ดี คิดนโยบายให้ดี ไม่มีเวลาที่จะมาดูแลตัวเอง แต่ผมยังเชื่อว่าคนจำนวนมากต้องการความเปลี่ยนแปลง วิธีของผมคือ คิดว่าการเลือกตั้งไม่ใช่เป็นเรื่องของผม ของพรรค ของคนทุกคน จึงได้รับการสนับสนุนขนาดนี้”

หลายปีที่ผ่านมา แยกทางกับต่าย เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว แต่ตอนนี้ทั้งฝั่งพ่อและฝั่งแม่ เข้ามาช่วยดูแลลูก?

ADVERTISMENT

“ถึงแม้ไม่ใช่สามี ภรรยากันแล้ว แต่ยังเป็นพ่อแม่ของลูกตลอดไป และตอนนี้ พิพิม 7 ขวบ เริ่มรู้เรื่อง สนุกกับการช่วยพ่อหาเสียงพอสมควร คนอื่นมีแม่ยก แต่ผมมีลูกยก เขาชอบคล้องพวงมาลัยมากเลย”

เล่าให้ฟังไหมว่าตอนนี้พ่อกำลังทำอะไรอยู่?

“ผมว่าเพิ่งจะเริ่มสักอาทิตย์ สองอาทิตย์ที่เขาจะเริ่มเข้าใจมาก ก่อนหน้านั้นจะพูดว่าพ่อไปทำงานนะลูก เดี๋ยวพ่อกลับมา อาบน้ำรอนะแล้วเดี๋ยวเล่านิทานและรีบหลับ พรุ่งนี้ตื่นหกโมงครึ่งอะไรอย่างนี้

เขาจะเข้าใจว่าพ่อต้องไปทำงาน และเขาต้องไปโรงเรียน เพิ่งจะมาอาทิตย์สองอาทิตย์นี่แหละที่เขาถามว่าพ่อทำงานอะไรกันแน่”

เจอกันทุกคืนไหม?

“เกือบทุกคืน ส่วนใหญ่จะถามว่าวันนี้มีเพื่อนทำอะไรดีๆ ให้พิพิมบ้าง วันนี้มีใครทำให้เสียใจอะไรไหม พอเสร็จแล้วก็จะถามว่าวันนี้อ่านนิทานเรื่องอะไร ซึ่งจะได้คำตอบเดิมๆ กลับมา 40 คืนติดกัน คือ เรื่องเอลซ่าแอนนา เรื่องหนอนผีเสื้อ”

เขา (พิพิม) เคยถามก่อนหน้านี้ไหม ว่าทำไมพ่อแม่ไม่อยู่ด้วยกัน?

“ไม่ถามมาสักเท่าไหร่ แต่ผมเตรียมตัวไว้ว่าเวลาเขาถามจะได้ตอบตรงไปตรงมา แต่ไม่ทำร้ายความรู้สึกเขา (พิพิม) พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันไม่ได้ อาจจะเหมือนกับนิทานที่อ่านให้หนูฟัง และคิดว่าถ้าเราแยกกันอยู่ เราทั้ง 3 คนจะมีความสุขมากกว่าที่เราจะต้องอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่ความผิดของหนูแม้แต่นิดเดียว และไม่ต้องกังวลว่าหนูยังจะมีทั้งคุณพ่อ และคุณแม่ที่รักหนู และถ้าอยากเจอทั้งสองคนก็สามารถที่ทำได้”

ถ้าเกิดเรารู้ว่า ถึงแม้เราเข้าเส้นชัย แต่กรรมการก็จะบอกว่าทุกอย่างโมฆะ หรือแม้กระทั่งปิดการแข่งขันไป ทำไมเรายังลงสนาม?

“เพราะเราเชื่อว่าการแข่งขัน เป็นการทุ่มเท และก็ไม่ได้เป็นแค่ภาพรวม ไม่ได้คิดว่าการแข่งขันมันมีแค่งานนั้นงานเดียว แล้วมันก็มีหลายๆ งาน แล้วเราก็เชื่อว่ามีคนดูที่เป็นผู้สังเกตการณ์ดูอยู่โดยรอบ และเราเชื่อว่ามันมีเทคโนโลยีแบบใหม่ที่จะบอกเราว่าล้ำหน้าหรือไม่ล้ำหน้า

แล้วความกดดันจากคนดูในสนาม คนดูทั่วประเทศ และทั่วโลก กำลังมองดูอยู่ว่ากรรมการนั้น ทำหน้าที่อย่างมีความชอบธรรมหรือไม่ มันเป็นธรรมชาติของชีวิตของการแข่งขันที่ต้องยอมรับว่าก็มีบางครั้งที่ยุติธรรมและไม่ยุติธรรม

ถ้าเกิดคุณคิดว่าการแข่งขันครั้งนี้มีอยู่ครั้งเดียว อยู่กับที่ แต่ถ้าเราคิดว่าการแข่งขันนั้นมันทุ่มเทไปได้อีกหลายอย่าง ชีวิตมันไม่มีทางตัน ไปได้เรื่อยๆ มีเทคโนโลยีใหม่เข้ามา ดังนั้นมันยังมีความหวัง เมื่อมีความหวังมันเลยรู้สึกไปต่อได้

ต้องเข้าใจว่าอะไรหลายอย่างไม่เที่ยง ไม่ใช่ว่าตอนนี้เรารู้สึกแย่ ตอนที่เราแพ้ มันก็ไม่ได้หมายความเราจะแพ้ตลอดไป หรือตอนนี้เราโดนโกง ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะโดนโกงตลอดไป

แล้วในที่สุด เอาให้ถึงที่สุดพูดแบบทุบโต๊ะเลยเนี่ย แม้ว่ามันเป็นแมตช์สุดท้ายของเรา แต่ในความรู้สึกมันไม่ใช่เป็นเรื่องของเราคนเดียว มันเป็นเรื่องที่จะต้องมีผู้เล่นหน้าใหม่ เข้ามาอยู่ในการแข่งขันแบบนี้อยู่เรื่อยๆ

เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเราไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง และเอาเป้าหมายเป็นที่ตั้ง แล้วเราบริหาร ก็ไม่ได้บริหารให้ตัวเองเป็นที่ตั้ง สักวันหนึ่งก็จะมีคนที่มีพรสวรรค์ที่ดีกว่าขึ้นมาแทนเรา เพราะเราสร้างพรรคเรามาแบบนี้ ในวันที่เราไม่อยู่มันก็จะไม่ได้เป็นการเดินทางในอุดมคติของเรา ไม่ได้เป็นการเมืองของเรา”

เรื่องที่หนักที่สุดในชีวิต?

“4 เรื่อง เป็นลมชักตอนอายุ 15 คุณพ่อเสีย ตอนที่จะเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว และตอนที่พรรคอนาคตใหม่โดนยุบ เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ที่กลายเป็นกำลังใจ ก็คือว่าถ้าเกิดต่อไปนี้ อะไรที่มันยากในหนทางทางการเมือง การโดนใส่ร้ายป้ายสี การโดนสาดโคลน ถ้าเราผ่าน 4 ช่วงนี้ของชีวิตมาได้ กูก็ผ่านที่เหลือได้วะ”

ช่วง 2-3 ปี มีโอกาสออกเดต?

“ไม่มี ไม่มีเวลาเจอใคร ไม่มีชอบใคร ตอนนี้ชีวิตมี 2 เรื่องที่ปล่อยไม่ได้ คือ เรื่องการเมือง และเรื่องลูกสาว แค่ 2 อันนี้ แทบไม่ได้พักผ่อน เพราะฉะนั้น เรื่องกีฬา และเรื่องชีวิตคู่เอาไว้ทีหลัง แต่ไม่ได้ปิดตัวเอง ไม่ได้คิดโทษความรัก มันก็โทษตัวเอง ยังคิดว่าความรักสวยงามเสมอ

ไม่มีใครมาจีบ มีคนเคย DM มาจีบบ้าง แต่เป็นเพื่อนกัน พรรคผม เป็นพรรคที่มีวินัยในเรื่องเกี่ยวกับคุกคามทางเพศมาก แค่ก่อให้เกิดความรำคาญทางเพศ ก็เข้ากรรมการวินัยแล้ว เพราะฉะนั้น เวลาที่จะมีเรื่องอะไรที่เป็นแบบนี้ มันไม่สะดวกที่จะตอบกลับ ต้องขอโทษทุกคนด้วยที่บางครั้งอาจจะตอบกลับไม่ได้ ก็ระมัดระวังตัวพอสมควร”

นอกจากนี้ พิธายังทิ้งท้ายให้กับคนที่มาเลือกตั้งด้วยว่า “เลือกด้วยความหวัง ไม่ใช่เลือกด้วยความกลัว”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image