ทิ้งบ้านร้าง 30 ปี เสิร์ชดูอากู๋ อึ้งข้างบ้านต่อเติมทำออฟฟิศ อ้างไม่ได้บุกรุก แค่ช่วยดูแลให้
เมื่อวันที่ 4 กันยายน นายซัน และ น.ส.อาย พร้อม ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เปิดเผยหลังออกรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม กรณีถูกเพื่อนบ้านที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในซอยรามอินทรา 58 กทม. บุกรุกเข้าไปต่อเติมเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานที่ตั้งอยู่ข้างกัน โดยผู้บุกรุกอ้างความชอบธรรม
ทนายเดชากล่าวว่า เบื้องต้นผู้เสียหายแจ้งความไว้กับตำรวจ สน.โคกคราม ในข้อหาร่วมลักทรัพย์ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันบุกรุก และร่วมกันทำให้ทรัพย์สินเสียหาย รวมโทษจำคุกรวมทั้งหมด 13 ปี เป็นคดีที่ไม่สามารถยอมความได้ เพราะผู้ก่อเหตุมีเจตนาบุกรุกเข้าไปต่อเติมบ้านตั้งแต่แรก
ส่วนคู่กรณี น.ส.นุ (เพื่อนบ้านที่มาต่อเติม) เตรียมแจ้งความกลับในข้อหาครอบครองปรปักษ์ จะเป็นการแจ้งความเท็จ เพิ่มคดีความให้ตัวเอง โดยคดีลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับบ้านที่ถูกธนาคารยึดมาขายทอดตลาดแล้วมีผู้บุกรุกเข้าไปอาศัย
ทนายเดชากล่าวว่า ส่วนกรณีมีคนร้องเรียนกับตนเรื่องที่บ้านหลังกล่าวถูกใช้เล่นการพนันนั้น เป็นหน้าที่ของตำรวจ สน.โคกคราม จะสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน นอกจากนี้กำลังตรวจสอบข้อมูลบริษัทรับเหมาก่อสร้างดังกล่าวว่า มีใครเป็นเจ้าของ ซึ่งน่าจะมีสามีของ น.ส.นุ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งท้ายสุดเรื่องนี้จะต้องเจรจาที่โรงพักเท่านั้น
น.ส.อายกล่าวว่า เรื่องเริ่มต้นเมื่อตนกับสามีจะไปรีโนเวตบ้านดังกล่าวแล้วทราบว่ามีคนเข้าไปอยู่ ก่อนเดินทางไปเจรจาแล้วถูกเรียกร้องค่าเสียหาย รวมถึงค่ารีโนเวตที่คู่กรณีต่อเติมบ้านไว้ ซึ่งตนไม่เคยพูดคุยกับ น.ส.นุโดยตรง แต่คุยผ่านหญิงรายหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นญาติหรือคนสนิทกับ น.ส.นุ วันนี้ได้พูดคุยกันแล้ว ก็จะเอาเรื่องตามกฎหมายต่อไป
“ยอมรับว่ารู้สึกหวั่นใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงต้องการมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมและให้เป็นกรณีศึกษา แต่จะขายบ้านให้คู่กรณีหรือไม่นั้น ต้องปรึกษาอากู๋เจ้าของบ้านและทนายเดชาก่อนว่าจะพิจารณาอย่างไร จากข้อมูลที่ค้นหามา ทราบว่าบ้านลักษณะนี้ มีราคาซื้อขายกันที่ 3 ล้านบาท แต่ น.ส.นุแจ้งว่าจะขาย 1.3 ล้านบาท ตามที่พูดในรายการโหนกระแส” น.ส.อายกล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ น.ส.นุได้ให้สัมภาษณ์กับช่อง 8 ว่า ไม่ได้มาบุกรุก แต่เป็นในลักษณะมาดูแลบ้าน ช่วยเจ้าของบ้านเท่านั้น เพราะเป็นเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกัน ก็มีการต่อเติมบ้านให้ และยังยืนยันอีกว่าบริเวณด้านหลังที่มีการเชื่อมต่อเติมระหว่างบ้านพักผู้ร้องเรียนและบริษัทของน้องสาว ไม่ได้เชื่อมติดกับบ้านพักของผู้ร้องเรียน แต่เป็นในลักษณะต่อเติมจากบริษัทน้องสาว
