โยอาคิม เลิฟ กุนซือทีม “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ให้นิยามของเขาว่า “ความสมมาตร และความสมดุล” ขณะที่ ซีเนอดิน ซีดาน อดีตกุนซือทีม “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด ให้นิยามของเขาว่า “ความสมบูรณ์แบบ” ทั้งสองคำนิยามนี้บ่งบอกได้ชัดเจนสำหรับฝีเท้าของ โทนี่ โครส
โครสเพิ่งซัดประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายให้ เยอรมนี พลิกชนะ สวีเดน 2-1 ต่อความหวังในการผ่านเข้าสู่รอบต่อไปในฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำถึงฝีเท้าของเขาที่เป็นมิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์อันดับหนึ่งของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
ในเส้นทางการเล่นทีมชาติเยอรมนีโครสติดทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ปี 2010 จนถึงปัจจุบันลงเล่น 85 นัด ยิงไป 13 ประตู แต่ทุกประตูล้วนแล้วแต่มีความสำคัญกับทัพอินทรีเหล็กแทบทั้งสิ้น เขายิงไปแล้ว 3 ประตูในฟุตบอลโลก 3 สมัยในครั้งนี้ และเคยคว้าโทรฟรี่แชมป์โลกเมื่อ 4 ปีก่อน ที่ประเทศบราซิลอีกด้วย
ด้วยการยืนคุมแดนกลางตั้งแต่หน้ากรอบประตูตัวเองไปจนถึงหน้ากรอบประตูทีมคู่แข่งซึ่งโครสควบคุมพื้นที่เอาไว้ได้หมด รวมทั้งมีการวางบอลระยะสั้น และระยะยาวแม่นยำ ทำให้เขาเปรียบเสมือนเป็น “วาทยากร” แห่งวงอินทรีเหล็กที่เป็นผู้สร้างสรรมิติเกมรุกไปตามจังหวะการบรรเลงเพลงแข้ง
แต่เพียงแค่วาทยากรคนเดียวคงไม่พอต่อความสำเร็จ เพราะวงออร์เคสตรามีเครื่องดนตรีหลายชิ้น เช่นเดียวกับทีมฟุตบอลที่มีนักเตะหลายตำแหน่ง และหากต้องการประสบความสำเร็จทุกคนในวงหรือในทีมก็จะต้องรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว…
