‘ใครจะอยู่-ใครจะไป’ ผ่า 8 ทีมสุดท้าย ‘เวิลด์คัพ 2018’

ฟุตบอลโลก 2018 โคจรมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายแล้ว ตัวเต็งหายหน้าหายตาไปหลายทีม สเปน, เยอรมนี, โปรตุเกส, อาร์เจนตินา และมีทีมที่เคยเป็นอดีตแชมป์โลกเข้ามาถึงรอบนี้ได้ถึง 4 ทีม คือ บราซิล แชมป์ 5 สมัย, อุรุกวัย แชมป์ 2 สมัย, ฝรั่งเศส และ อังกฤษ ชาติละ 1 สมัย ขณะทีอีก 4 ทีม เบลเยียม, รัสเซีย, สวีเดน, โครเอเชีย ยังไม่เคยทำได้มาก่อน
ได้เวลาวิเคราะห์โอกาสของทั้ง 8 ทีม ว่าทีมไหนมีโอกาสขนาดไหนในการไปถึงแชมป์โลกอย่างไรกันบ้าง

ฝรั่งเศส (เต็ง 3)
เข้ารอบสุดท้ายมาแบบสบายๆ ถึงแม้จะร่วมกลุ่มกับเนเธอร์แลนด์และสวีเดนก็ตาม แพ้ไปนัดเดียวจาก 10 นัด มาเล่นในรอบสุดท้าย ก็ยังไม่แพ้ใคร ชนะออสเตรเลีย 2-1 เชือดเปรู 1-0 เสมอเดนมาร์ก 0-0 และมาปราบอาร์เจนตินา 4-3 ในรอบ 16 ทีม เข้ารอบไปเจอกับอุรุกวัย

ทีมเลส์ เบลอส์ เต็มไปด้วยนักเตะเวิลด์คลาสในแนวรุก คีเลียน เอ็มบัปเป้, ปอล ป๊อกบา, อองตวน กรีซมันน์ เต็มไปด้วยเทคนิคและความอันตราย อาจจะน่าห่วงในแนวรับที่ไม่ค่อยเหนียวแน่นนัก ขนาดว่าอาร์เจนตินาเล่นสะเปะสะปะในรอบ 16 ทีม ก็ยังเจาะได้ถึง 3 ตุง อย่างไรก็ตาม ถ้ายังสามารถรักษาฟอร์มโหดได้แบบนัดปราบฟ้า-ขาวของ ลิโอเนล เมสซี่ ได้เรื่อยๆ โอกาสจะเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 2 ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม

อุรุกวัย (เต็ง 6)
ทีมจอมโหดเป็นม้ามืดที่เริ่มออกสู่แสงสว่างแล้ว หลังจากในรอบแรกเก็บ 9 คะแนนเต็ม ยิง 5 ประตู มารอบ 16 ทีมก็ปราบโปรตุเกสแบบไม่ยาก 2-1 ตลอดทัวร์นาเมนต์ อุรุกวัยโดนเจาะแค่ประตูเดียว ถึงแม้จะถูกมองว่ารอบแรกได้อยู่ในกลุ่มไม่หนัก รัสเซีย, อียิปต์, ซาอุดีอาระเบีย จะเป็นรองทั้งหมด แต่รูปแบบการเข้าทำของทีมจากอเมริกาใต้ทีมนี้ก็หลากหลายและดุดันอย่างมาก

Advertisement

โอกาสปราบฝรั่งเศสในรอบ 8 ทีมก็ถือว่าพอมี เพราะ ดีเอโก้ โกดิน และ โฮเซ่ มาเรีย คิมิเนซ สองปราการหลังน่าจะรู้ทางกรีซมันน์ ตัวรุกทีมตราไก่ ที่เล่นในแอตเลติโก้ มาดริด อยู่ด้วยกัน แต่ต้องไม่ลืมว่าตัวอันตรายจริงๆ ของฝรั่งเศสตอนนี้ เป็นเอ็มบัปเป้ที่เอาอยู่ยากเหลือเกิน ยิ่งการอาจจะไม่มี เอดินสัน คาวานี่ กองหน้าจอมทุ่มเทลงเล่น ทำให้ต้องพึ่งพาหลุยส์ ซัวเรซ มากขึ้นกว่าเดิม ถ้าซัวเรซรีดฟอร์มเก่งออกมาได้ถูกเวลา และเกมรับยังแข็งแกร่ง ความหวังเข้ารอบรองชนะเลิศก็เพิ่มขึ้นมาอีกเพียบ

รัสเซีย (เต็ง 7)
เจ้าภาพที่มีอันดับในฟีฟ่า แรงกิ้งต่ำที่สุด ไม่ได้อยู่ในสายตาเซียนลูกหนังแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อจบรอบแรกด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม ยิงได้รวม 8 ประตู เป็นรองเพียงเบลเยียมทีมเดียว ทำให้ต้องหันมาทบทวนถึงทีมหมีขาวมากขึ้น ยิ่งการปราบสเปน หนึ่งในทีมเต็งแชมป์ด้วยการยื้อจนชนะดวลลูกจุดโทษ ความมั่นใจจากการล้มสเปน และแผนการเล่นเพื่อลุ้นถึงฎีกาจุดโทษ น่าจะเป็นแผนหลักของเจ้าภาพในทุกนัดที่เหลือหลังจากนี้ อิกอร์ อคินเฟเยฟ นายทวารเบอร์ 1 ยังไว้ใจได้ในยามคับขัน อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน, อาร์ตุมซีบ้า, เดนิส เชรีเชฟ ที่เล่นดีในนัดแรกที่ถล่มซาอุดีอาระเบีย 5-0 ก็อาจจะเงียบไปบ้าง แต่ก็พอจะมีทีเด็ดทีขาดอยู่

โครเอเชียคือคู่ต่อสู้ในรอบ 8 ทีมของรัสเซีย ต้องยอมรับว่าทีมตาหมากรุกดูดีกว่ามาก ทั้งในเรื่องผลงานและชื่อชั้นของนักเตะ ซึ่งดูดีกว่าสเปนที่รัสเซียเคยปราบมาได้เสียอีก

Advertisement

โครเอเชีย (เต็ง 4 ร่วม)
ทีมตาหมากรุกผ่านรอบคัดเลือกมาอย่างทุลักทุเล ต้องเล่นเพลย์ออฟกับกรีซเพื่อคว้าตั๋วเข้ามา แต่ในรอบสุดท้าย พวกเขาเล่นกันได้อย่างแข็งแกร่ง สอนบอลอาร์เจนตินา 3-0 ชนะ 3 นัดรวด มาปราบเดนมาร์ก รอบ 16 ทีม ด้วยการดวลจุดโทษ เข้าไปรอเจอรัสเซียในรอบ 8 ทีม

ลูก้า โมดริช, อีวาน ราคิติช. อีวาน เปริซิช ฟอร์มโหดเหลือเกิน รวมทั้งนายทวาร ดาเนียล ซูบาซิช หนึบสุดสุด เรื่องเดียวที่โครเอเชียต้องกลัว คือ เสียงเชียร์จากแฟนบอลเจ้าภาพ นอกจากนั้นดูจะเหนือกว่าในทุกด้าน โอกาสเข้ารอบรองชนะเลิศ เป็นครั้งที่ 2 ในฟุตบอลโลก มีสูงจริงๆ

บราซิล (เต็ง 1)
เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วยการเสมอสวิตเซอร์แลนด์ 1-1 เกมต่อมากับคอสตาริกากว่าจะนำได้ต้องรอถึงช่วงทดเจ็บครึ่งหลัง แล้วมาค่อยๆ ฟื้นในเกมสุดท้ายของรอบแรก ชนะเซอร์เบีย 2-0 ต่อเนื่องมาดีในรอบ 16 ทีม ปราบเม็กซิโก 2-0
เกมรับของบราซิลในฟุตบอลโลกครั้งนี้ดีมาก แต่เกมรุกกลับไม่หวือหวา เนย์มาร์ อาจจะยิงได้ 2 ประตู แต่ภาพรวมแล้วยังไม่น่าชื่นชม กาเบรียล เชซุส ก็ไม่มีพิษสงอะไรเลย
ถ้าเกมรุกของทีมแซมบ้ายังฝืดๆ ต้องลุ้นกันเหนื่อยว่าจะยิงได้สักประตู แล้วมาเจอความหลากหลายในการบุกของเบลเยียม โอกาสจอดป้ายที่รอบนี้ก็มีสูง

เบลเยียม (เต็ง 4 ร่วม)
ทีมที่ฟอร์มดีที่สุดในรอบแรก แต่เกือบตกรอบ 16 ทีม เพราะโดนญี่ปุ่นนำ 2-0 โชคดีที่ความหลากหลายในแนวรุกมาช่วยไว้ได้ทัน ต้องบอกว่าเบลเยียมมาเจอกับบราซิลเร็วเกินไป ถึงแม้จะอยู่ในช่วงที่มั่นใจมาก ชนะรวดทุกนัด ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ มีนักเตะที่ดีล้นทีม แต่เมื่อต้องเจอกับแชมป์โลก 5 สมัยแล้ว

ประสบการณ์ของทีมแซมบ้า เกรดนักเตะที่ไม่ห่างกันมาก และเกมรับคู่แข่งที่เหนียวแน่น ถ้าเผลอให้บราซิลทำประตูนำได้ก่อน เกมรุกที่โหดจัดของเบลเยียมก็อาจจะช่วยอะไรไม่ได้เลย
แต่ถ้ารอดพ้นทีมเต็ง 1 ไปได้แล้ว ก็แทบไม่มีทีมไหนให้เบลเยียมต้องกลัวอีกเลย

สวีเดน (เต็ง 8)
ไม่มีใครคาดคิดว่าทีมไวกิ้งจะมาไกลถึงรอบนี้ เพราะสวีเดนไม่หวือหวา เรียกได้ว่าเงียบที่สุดในบรรดา 8 ทีมในรอบนี้ แต่ถ้าดูฟอร์มของพวกเขาตั้งแต่รอบคัดเลือก เบียด เนเธอร์แลนด์ ตกรอบไป เด็ดกว่านั้นไปล้ม อิตาลี ในรอบเพลย์ออฟ จนผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายได้ ถึงแม้จะแพ้ เยอรมนี 1-2 ในวินาทีสุดท้าย ในรอบแรก แต่ก็เอาตัวรอดเข้ารอบ 16 ทีมมาได้ด้วยความมีวินัยในแผนการเล่น

สวีเดนที่ไม่มีซุปเปอร์สตาร์เน้นการเล่นเป็นทีม เต็มไปด้วยความมั่นใจ กองหลังแข็งแกร่งเหมือนกำแพงหิน เสียประตูยาก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องยิงประตูเยอะ ซึ่งอังกฤษต้องระวังเรื่องนี้ไว้ให้มาก
สวีเดนเคยเข้ารอบชิงชนะเลิศมาแล้วเมื่อปี 1958 ที่เป็นเจ้าภาพเอง สถิติกับอังกฤษเท่าเทียมกันแบบมองยากว่าใครดีกว่า แต่สวีเดนไม่เป็นรองทั้งผลงานและสถิติอย่างแน่นอน

อังกฤษ (เต็ง 2)
เป็นสิงโตที่คำรามได้น่าเกรงขามที่สุดในหลายปีหลัง แถมยังเพิ่มความมั่นใจด้วยการชนะการดวลจุดโทษครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกได้แล้วด้วย อังกฤษของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ใช้นักเตะวัยรุ่นเป็นแกนหลัก ความกดดันก็ไม่น้อย แต่ยิ่งเข้ารอบลึกความหวังก็ถาโถมเข้ามามากขึ้น
อังกฤษเป็นเต็ง 2 เป็นรองเพียงบราซิล สถิติการเสียประตูทุกเกมใน 4 นัดที่ผ่านมา ได้ประตูจากจุดโทษ 3 ประตู สถิติการเจอกับสวีเดน 2 ครั้งในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย กินกันไม่ลง เสมอกันทั้ง 2 แมตช์ รวม 23 แมตช์ที่เจอกันมาทุกรายการ ผลัดกันแพ้-ชนะ 7 ครั้ง เสมอ 9 ครั้ง

อังกฤษมีโจทย์ยากว่าจะเจาะเกมรับที่โคตรมีระเบียบของทีมไวกิ้งได้อย่างไร และต้องเล่นเกมรับให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ด้วย สื่ออังกฤษและแฟนบอลมองไปถึงแชมป์โลกแล้ว โอกาสเป็นไปได้ก็ไม่น้อย แต่ควรผ่านสวีเดนไปให้ได้ก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image