เกาะกระแสฟีเวอร์ “เวิลด์คัพ” กับ “วิมเบิลดัน”

ช่วงเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์นับจากนี้ถือเป็นช่วงเวลาน่าหนักใจสำหรับบรรดาคอกีฬาพันธุ์แท้ทั่วโลก
เพราะนอกจากจะต้องติดตามการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งใกล้งวดเข้าไปทุกขณะแล้ว ยังมีศึกเทนนิสระดับแกรนด์สแลมเก่าแก่อย่าง วิมเบิลดัน ที่ประเทศอังกฤษ มาชิงความสนใจไปอีกหนึ่งอย่าง

แน่นอนว่าสำหรับเวิลด์คัพซึ่งจัดกัน 4 ปีครั้ง ย่อมต้องมีคนให้ความสนใจมากกว่า โดยปกติแล้ว การแข่งขันฟุตบอลระดับเมเจอร์ทัวร์นาเมนต์ ทั้งบอลโลกและบอลยูโร มักจะจัดในช่วงเวลานี้ของปี จึงชนกับศึกวิมเบิลดันอยู่บ่อยครั้ง และแทบทุกครั้งเวลาทีม “สิงโตคำราม” ชิงตกรอบก่อนทีไร ก็มักจะมีมุขขาประจำที่เล่นกับ่อยในหมู่สื่อและแฟนๆ เมืองผู้ดีว่า “ไปดูเทนนิสกันดีกว่า”

มาปีนี้พอสิงโตหนุ่มทำผลงานโดดเด่นน่าชื่นใจ เลยทำให้แฟนกีฬาชาวอังกฤษเกิดอาการไขว้เขว ขณะที่ฝ่ายจัดวิมเบิลดันก็ไม่แฮปปี้ที่โดนแย่งความสนใจ พร้อมยืนยันนโยบายไม่ถ่ายทอดฟุตบอลโลกขึ้นจอยักษ์ในบริเวณของออล อิงแลนด์ คลับ ซึ่งยึดถือปฏิบัติมาตั้งแต่ศึก ยูโร 96

อย่างแมตช์ล่าสุดที่อังกฤษเตะกับโคลอมเบียในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แฟนกีฬาจำนวนไม่น้อยต้องยอมเดินไปบาร์ที่ใกล้ที่สุดซึ่งห่างออกไปราว 20 นาที บ้างก็เช็กผลบอลจากมือถือ หรือไม่ก็รวมกลุ่มกันชะเงื้อดูการถ่ายทอดผ่านหน้าต่างบ้านที่ตั้งอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับสนามเทนนิส

Advertisement

อาการ “เวิลด์คัพ ฟีเวอร์” นี้ไม่ได้จำกัดแค่ในหมู่แฟนกีฬาอย่างเดียว เพราะแม้แต่บรรดานักเทนนิสที่กำลังขับเคี่ยวชิงชัยที่ออล อิงแลนด์ คลับ อยู่ในขณะนี้ก็เกิดอาการห่วงหน้าพะวงหลังไม่แพ้กัน

กาแอล มงฟิส นักเทนนิสมากสีสันชาวฝรั่งเศส เผยว่า บรรดาหนุ่มๆ นักหวดจะคุยกันแต่เรื่องบอลโลกในห้องล็อกเกอร์ และถ้าบังเอิญอยู่ในเลาจ์สำหรับนักกีฬาช่วงบอลเตะ ก็จะรวมตัวกันดูถ่ายทอด

นักหวดวัย 31 ปี กล่าวติดตลกด้วยว่า ถ้าบังเอิญเขาได้เข้าชิงวิมเบิลดัน แล้วเกิดฝรั่งเศสก็เข้าชิงบอลโลกเช่นกัน เขาก็ยินดีแพ้บายเพื่อไปเชียร์ทีมรักคว้าแชมป์โลก หรือไม่ก็คงต้องอ้อนวอนฝ่ายจัดให้เลื่อนเวลาแข่งขันนัดชิงวิมเบิลดันเร็วขึ้น จะได้ไม่ต้องพลาดเหตุการณ์สำคัญทั้ง 2 อย่าง

Advertisement

ด้าน โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เจ้าของแชมป์วิมเบิลดัน 8 สมัย จากสวิตเซอร์แลนด์ บอกว่า ต่อให้ยุ่งขนาดไหน ก็จะต้องหาเวลาดูบอลโลกให้ได้ และยอมรับว่าผิดหวังเอามากๆ ที่ทีมบ้านเกิดพ่ายสวีเดน 0-1 ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทั้งที่ดูแล้วทีมมีโอกาสจะเก็บชัยชนะได้

ขณะที่ เมดิสัน คีย์ส นักหวดสาวชาวอเมริกัน มือวางอันดับ 10 ของรายการ แม้จะไม่ค่อยอินกับทัวร์นาเมนต์นี้นักเนื่องจากทีมชาติสหรัฐไม่ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย แต่ก็ได้นั่งดูเกมคู่อังกฤษ-โคลอมเบียกับ ลอร่า ร็อบสัน นักหวดสาวเมืองผู้ดีที่ผับแห่งหนึ่ง ซึ่งลอร่าเอาแต่ร้องเพลง “It’s Coming Home” ซึ่งกำลังฮิตในหมู่แฟนบอลอังกฤษช่วงนี้นานถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง!

เมื่อเทียบกับหลายๆ ปีที่ผ่านมา นับว่าฟุตบอลโลกหนนี้สร้างความปวดหัวให้กับฝ่ายจัดการแข่งขันวิมเบิลดันมากที่สุด ไม่ใช่เพราะอังกฤษเข้ารอบลึกอย่างเดียว แต่เป็นเพราะออล อิงแลนด์ คลับ ไม่แฮปปี้ที่ฟีฟ่าและเจ้าภาพ รัสเซีย กำหนดวันเวลาแข่งขันแทบจะตรงกับนัดชิงชนะเลิศชายเดี่ยวของวิมเบิลดันเป๊ะๆ

รอบชิงทั้ง 2 รายการแข่งตรงกันในวันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม โดยวิมเบิลดันจะเริ่มก่อนราว 2 ชั่วโมง ซึ่งโดยปกตินัดชิงของผู้ชายที่ต้องดวลกัน 3-5 เซต มักจะกินเวลาเฉลี่ยราว 2 ชั่วโมงครึ่ง-3 ชั่วโมง ยกเว้นเกมจะขาดจริงๆ ส่งผลให้วิมเบิลดันนัดชิงโดนย้ายผังถ่ายทอด จากเดิมถ่ายช่อง บีบีซี 1 ไปอยู่ บีบีซี 2 เป็นครั้งแรก และหลายคนเชื่อว่ายอดผู้ชมทั้งในสนามและชมการถ่ายทอดจะโดนเวิลด์คัพแย่งไปไม่น้อยอีกด้วย

มิค เดสมอนด์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อและการตลาดของออล อิงแลนด์ คลับ ตั้งคำถามอย่างไม่สบอารมณ์ว่า ทั้งที่ฝ่ายจัดวิมเบิลดันกับฟีฟ่าก็หารือเรื่องตารางเวลากันไปแล้ว แต่สุดท้ายฟีฟ่าก็ยังเลือกคิกออฟหลังนัดชิงชายเดี่ยวเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ยืนยันว่าจะไม่ปรับเวลาแข่งเทนนิสแน่นอน

แม้ฐานความนิยมจะไม่เท่า แต่ศักดิ์ศรีรายการเทนนิสเก่าแก่ที่สุดในโลกอายุ 141 ปี ยังไงก็ยอมกันไม่ได้จริงๆ!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image