แม้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทัพ “ตราไก่” ฝรั่งเศส ในฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล แต่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ตัวรับวัย 27 ปี ใช้เวลาพัฒนาฝีเท้าไม่นานจนกลายเป็นตัวหลักทัพเลเบลอส์ในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย
ก็องเต้ย้ายจากทีม ก็อง ในลีกล่างฝรั่งเศสมาร่วมทีม เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2015 พร้อมกับพาทัพจิ้งจอกสยามคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งประวัติศาสตร์ จากนั้นปี 2016 เขาย้ายมาร่วมทีม เชลซี และก็พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันกับ 2 สโมสร
เมื่อฤดูกาล 2017 ก็องเต้พาทัพสิงห์บลูส์คว้าแชมป์ติดมือในถ้วยเอฟเอ คัพ ซึ่งเท่ากับว่า นับตั้งแต่เขาย้ายมาเล่นลีกผู้ดี เขาสามารถคว้าแชมป์ให้กับต้นสังกัดได้อย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา…
ด้วยสไตล์การเล่นวิ่งไปทั่วสนามแบบไม่มีหมด และการตัดบอลได้แบบเด็ดขาด ทำให้ก็องเต้ถือเป็นนักเตะเบื้องหลังแห่งความสำเร็จ ซึ่งเขาติดทีมชาติฝรั่งเศสครั้งแรก เมื่อปี 2016 และปัจจุบันกลายเป็นมิดฟิลด์ตัวรับดีที่สุดของโลกไปแล้วในขณะนี้
“เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดของโลก เขาถือเป็นผู้เล่นที่มีความสำคัญมาก และบางทีเขาอาจจะมีความสำคัญมากขึ้นกว่านี้ในอนาคตข้างหน้าก็เป็นได้” ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ กุนซือทีมชาติฝรั่งเศสกล่าว
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ก็องเต้มีส่วนสำคัญพาทีมต้นสังกัดคว้าแชมป์มาอย่างต่อเนื่องทุกปี และเมื่อ 2 ปีก่อนเขาเคยพาทีมชาติฝรั่งเศสผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศศึกยูโร 2016 แต่ได้เพียงรองแชมป์เท่านั้น
มาจนถึงฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้ เชื่อว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ จะสามารถพาทัพตราไก่ทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ และถึงเวลาที่เขาจะลบฝันร้ายจากความพ่ายแพ้ได้เพียงรองแชมป์เมื่อ 2 ก่อนเสียที…
