วิเคราะห์สารพัด “ลางบอกเหตุ” ใครจะเป็นแชมป์โลก 2018?

ศึก ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย เดินทางมาถึงไคลแมกซ์กับรอบชิงชนะเลิศที่กรุงมอสโก ในคืนวันที่ 15 กรกฎาคม
การประกบคู่ชิงชนะเลิศในปีนี้ถือว่า “เซอร์ไพรส์” อยู่ไม่น้อย แน่นอนว่า ฝรั่งเศส นั้น เป็นตัวเต็งอันดับต้นๆ ที่สื่อและแฟนบอลคาดการณ์ว่าจะไปถึงเป้าหมายได้ตั้งแต่ทัวร์นาเมนต์ยังไม่เริ่ม แต่คงมีน้อยคนมากๆ ที่จะคาดคิดว่า โครเอเชีย จะเป็นคู่ชิงชนะเลิศของทีมแดนน้ำหอม
ในแง่ผลงานและสถิติ แน่นอนว่าทีมตราไก่ย่อมเป็นต่อทีมตาหมากรุกค่อนข้างมาก จึงมีคนตั้งคำถามว่า แล้วถ้าลองมองย้อนประวัติศาสตร์ คิดตามเคล็ดความเชื่อ หรือลางบอกเหตุบ้างล่ะ แนวโน้มจะไปไหนทิศทางไหน?

อินเตอร์ VS บาเยิร์น
ยังไม่ต้องมองถึงรอบชิง เอาแค่รอบรองก็มีเค้าลางอะไรบางอย่างให้เห็นแล้ว เพราะตั้งแต่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 1982 เป็นต้นมา คู่ชิงชนะเลิศไม่ว่าจะทีมเดียวหรือทั้ง 2 ทีม จะต้องมีนักเตะของ 2 สโมสรผ่านเข้ามาด้วยเสมอนั่นคือ บาเยิร์น มิวนิก ยอดทีมจากเยอรมนี และ อินเตอร์ มิลาน ทีมดังของอิตาลี
โดยปี 1982 ซึ่งอิตาลีชนะเยอรมนี ทีมอัซซูรี่มี กาบริเอเล่ โอเรียลี่ กับ จูเซปเป้ แบร์โกมี่ สองแข้งงูใหญ่ ส่วนอินทรีเหล็กมี คาร์ล ไฮน์ซ รุมเมนิกเก้ และ พอล ไบรต์เนอร์
4 ปีต่อมา รุมเมนิกเก้ซึ่งย้ายไปเล่นให้อินเตอร์ร่วมทีมกับเพื่อนร่วมชาติเยอรมัน โลธาร์ มัทเธอุส, โนเบิร์ต เอเดอร์ และ อูลี่ เฮอเนสส์ ของบาเยิร์น พ่ายให้อาร์เจนตินาในนัดชิง
ต่อมาปี 1990 สามทหารเสือของทีมงูใหญ่ มัทเธอุส, อันเดรียส เบรห์เม่ และ เยอร์เก้น คลิ้นสมันน์ ร่วมด้วย 3 แข้งเสือใต้ สเตฟาน รอยเตอร์, เยอร์เก้น โคห์เลอร์ และ เคลาส์ เอาเกนธาเลอร์ พาเยอรมนีเป็นแชมป์โลกสมัย 3
ปี 1994 เป็น จอร์จินโญ่ แข้งบราซิเลียนของบาเยิร์น กับ นิโคล่า แบร์ตี้ แข้งอิตาเลียนของอินเตอร์ ส่วนอีก 4 ปี ทีมงูใหญ่มี ยูริ จอร์เกฟฟ์ และ โรนัลโด้ ส่วนบาเยิร์นเป็น บีเซนเต้ ลิซาราซู
ปี 2002 โรนัลโด้ยังคงเล่นให้อินเตอร์ ส่วนบาเยิร์นเป็น 3 แข้งเมืองเบียร์ โอลิเวอร์ คาห์น, เยนส์ เยเรมี่ส์ และ โธมัส ลินเค่
ปี 2006 ซึ่งอิตาลีชิงกับฝรั่งเศส ฝั่งแข้งอัซซูรี่มี มาร์โก้ มาเตราซซี่ กับ ฟาบิโอ กรอสโซ่ ของอินเตอร์ ส่วน วิลลี่ ซาญอล กองหลังฝรั่งเศส เล่นให้บาเยิร์น
อีก 4 ปีถัดมา เวสลีย์ สไนเดอร์ ของงูใหญ่ กับเพื่อนร่วมทีมเนเธอร์แลนด์ อาร์เยน ร็อบเบน และ มาร์ก ฟาน บอมเมล ของเสือใต้พ่ายให้สเปนอย่างเจ็บปวด
และ 4 ปีที่แล้ว มีนักเตะบาเยิร์นเข้าชิงถึง 6 คน มาจากทีมอินทรีเหล็กล้วนๆ คือ มานูเอล นอยเออร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, เฌโรม บัวเต็ง, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, โธมัส มุลเลอร์ และ โทนี่ โครส ส่วนฝั่งอินเตอร์มีตัวแทนหนึ่งเดียวคือ โรดริโก้ ปาลาซิโอ แข้งอาร์เจนไตน์
มาปีนี้ฝรั่งเศสเข้าชิงโดยมี โกร็องแตง โตลิสโซ่ กองกลางบาเยิร์นร่วมทัพ ขณะที่โครเอเชียแม้หลายคนจะมองว่าเป็นรองอังกฤษในรอบตัดเชือก แต่ก็หักด่านมาได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ โดยขุนแข้งโครแอตมี 2 นักเตะอินเตอร์ มิลาน อย่าง อีวาน เปริซิช และ มาร์เซโล่ โบรโซวิช อยู่ในทีม จนรักษาสถิติที่ยืนยาวมานาน 36 ปีเอาไว้ได้

บลู แชมเปี้ยน!
เค้าลางจากอดีตอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ทุกๆ ครั้งที่การแข่งขันฟุตบอลโลกจัดขึ้นในปีที่ลงท้ายด้วยเลข 8 ทีมแชมป์จะสวมเสื้อโทนสีฟ้าหรือสีน้ำเงินเสมอ
ย้อนไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว หรือในปี 1998 ฝรั่งเศสคว้าแชมป์ สีเสื้อหลักของพวกเขาก็คือสีน้ำเงิน ยืนยันด้วยฉายา “เลส์ เบลอส์” ที่ติดตัวอยู่
ส่วนปี 1978 ชัยชนะเป็นของ “ฟ้า-ขาว” อาร์เจนตินา เหนือเนเธอร์แลนด์ในรอบชิงชนะเลิศ
ขณะที่ปี 1958 บราซิลเป็นฝ่ายชนะสวีเดนในรอบชิงชนะเลิศ แม้ว่าสีหลักของทีมแซมบ้าจะเป็นสีเหลือง แต่วันนั้น เนื่องจากสวีเดน เจ้าภาพจัดการแข่งขัน เลือกใส่เสื้อเหลืองอันเป็นสีหลักของตัวเองเช่นกัน บราซิลจึงต้องเปลี่ยนไปใส่ชุดทีมเยือนเสื้อสีน้ำเงินแทน และถล่มเจ้าภาพไป 5-2
สำหรับปี 1938 ซึ่งเป็นบอลโลกหนที่ 3 ก็เป็นอิตาลีที่ใส่ชุดโทนน้ำเงิน เอาชนะฮังการีไปได้
เท่ากับว่า 4 ครั้งที่ผ่านมา ทิศทางสีชุดดูจะเป็นใจให้ฝรั่งเศสเหลือเกิน

แชมป์หน้าใหม่
แต่เดี๋ยวก่อน! โครเอเชียใช่ว่าจะไม่มีอะไรเป็นกำลังใจเสียทีเดียว เพราะนับย้อนไปตั้งแต่ปี 1958 เป็นต้นมา ฟุตบอลโลกจะมีแชมป์หน้าใหม่เกิดขึ้นทุกๆ 20 ปีเสมอ
ปี 1958 เป็นบราซิลที่คว้าแชมป์สมัยแรก, ปี 1978 อาร์เจนตินาก็เพิ่งชูถ้วยบอลโลกหนแรก และปี 1998 ก็ฝรั่งเศสนี่แหละที่ได้เฮ เพราะงั้นแข้งตาหมากรุกอาจจะกลายเป็นแชมป์หน้าใหม่ของทัวร์นาเมนต์ในปีนี้ก็เป็นได้

Advertisement

เหตุบังเอิญจากเรื่องอื่นๆ
เล กิ๊ป สื่อดังของแดนน้ำหอมทำลิสต์หลากหลายเหตุผลที่ทีมตราไก่จะเป็นแชมป์โลก ในจำนวนนั้นคือการจับโยงความ “บังเอิญ” ที่เกิดขึ้นตอนพวกเขาคว้าแชมป์โลกสมัยแรกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว กับในปีนี้
ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งรถชาวเยอรมันคว้าแชมป์ฟอร์มูล่าวัน บริติช กรังด์ปรีซ์ ซึ่งมักจะจัดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับฟุตบอลโลก โดยเมื่อปี 1998 เป็น มิชาเอล ชูมัคเกอร์ มาปีนี้ เซบาสเตียน เว็ตเทล เพิ่งจะซิ่งเข้าวินไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเล กิ๊ป ชี้ด้วยว่า ในปี 1998 นั้น รีล มาดริด ยอดทีมจากลาลีก้า สเปน ก้าวไปคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครอง ปีนี้ ราชันชุดขาวก็ทำได้สำเร็จเช่นกัน
แต่โครเอเชียก็อาจจะเบาใจได้นิดนึง เพราะถ้าย้อนไปในฟุตบอลโลกปี 2006 ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ฝรั่งเศสเข้าชิงชนะเลิศ ตอนนั้นเชิ้ตดำที่ทำหน้าที่ตัดสินเป็นชาวอาร์เจนไตน์ และแจกใบแดงให้ ซีเนอดีน ซีดาน จอมทัพแดนน้ำหอมที่เอาหัวไปโหม่งมาเตราซซี่ กองหลังอิตาลี
มาปีนี้ กำหนดตัวผู้ตัดสินนัดชิงไว้แล้วคือ เนสเตอร์ ปิตาน่า ที่เป็นชาวอาร์เจนไตน์เช่นกัน ซึ่งอาจมาขวางดวงของทีมตราไก่ได้

อย่างไรก็ตาม พอมีคนจ่อไมค์ถาม ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือโครเอเชียถึง “ลางบอกเหตุ” ต่างๆ โค้ชวัย 51 ปี ตอบกลับสั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความว่า

“ผมไม่เชื่อเรื่องตัวเลข สถิติ หรือเค้าลางอะไรทั้งนั้น สนอย่างเดียวคือเรื่องที่ตัวเองจะทำ”

Advertisement

เพราะสุดท้ายแล้วจะแชมป์หรือไม่แชมป์ ก็อยู่ที่ตัวของเราเป็นหลัก อะไรก็คงช่วยไม่ได้ทั้งนั้น!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image