ข่าวฮือฮาที่สุดของวงการฟุตบอลในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คงไม่พ้นการย้ายทีมของ อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารทีมชาติบราซิลซึ่งย้ายจาก โรม่า สู่ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 75 ล้านยูโร (2,925 ล้านบาท) สูงเป็นสถิติโลกสำหรับผู้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู
ค่าตัวของอลิสซอนทำลายสถิติเดิมที่ยืนยาวมานานถึง 17 ปี สมัย จานลุยจิ บุฟฟ่อน ย้ายจากปาร์ม่าไปยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 53 ล้านยูโร (2,067 ล้านบาท) เมื่อปี 2001 แบบไม่เห็นฝุ่น ซึ่งค่าตัวมหาศาลของนายทวารชาวบราซิเลียนนี้เป็นผลสืบเนื่องจากสมดุลตลาดซื้อขายนักเตะที่เสียไปนับตั้งแต่ ปารีส แซงต์แชร์แมง ทุ่มเงินถึง 222 ล้านยูโร (8,658 ล้านบาท) เป็นค่าฉีกสัญญา เนย์มาร์ ดาวเตะสโมสร บาร์เซโลน่า เมื่อปีที่แล้ว
แฟนบอลส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยได้ติดตามกัลโช่ เซเรียอา ย่อมเกิดคำถามคาใจคล้ายๆ กันว่า การที่ลิเวอร์พูลลงทุนเป็นเงินก้อนโตกับผู้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูขนาดนี้ เมื่อถึงเวลาใช้งานจริงจะคุ้มค่าคุ้มราคากันหรือไม่?
ประการแรกสุดนั้น เหตุผลสำคัญที่หงส์แดงต้องหาผู้รักษาประตูใหม่เพราะเป็นเหมือน “ไฟต์บังคับ” ให้ต้องเกิดความเปลี่ยนแปลง หากต้องการประสบความสำเร็จมากกว่าที่ผ่านๆ มา
ฤดูกาลก่อน หงส์แดงไม่มีแชมป์ใดๆ ติดมือ แต่หวุดหวิดจะทำเซอร์ไพรส์หลังทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก พบกับ รีล มาดริด
อย่างไรก็ตาม บทสรุปในรอบชิงชนะเลิศที่ลงเอยด้วยการพ่ายแพ้ 1-3 นั้น มีความทรงจำไม่สู้ดีเนื่องจาก โลริส คาริอุส ผู้รักษาประตูมือ 1 ของทีมชาวเยอรมัน ทำเฟอะฟะจนเสียประตูแรกและประตูที่ 3 อย่างไม่น่าให้อภัย โดยเฉพาะประตูแรกที่ขว้างบอลไปโดน คาริม เบนเซม่า จนกลายเป็นประตูทั้งที่ไม่ใช่จังหวะตื่นเต้นหวาดเสียวใดๆ แม้แต่น้อย
มาเกมอุ่นเครื่องนัดแรกของช่วงปรีซีซั่นก่อนเปิดฤดูกาลใหม่กับทรานเมียร์ คาริอุสก็เจอฝันร้ายต่อเนื่องเมื่อรับฟรีคิกไม่อยู่จนคู่แข่งซ้ำเข้าประตูไป จนกุนซือ เยอร์เก้น คล็อปป์ โดนสื่อรุมถามในประเด็นดังกล่าว
แม้ว่าคล็อปป์จะพยายามปกป้องคาริอุสว่า ยังมีผู้เล่นคนอื่นที่ทำพลาดในหลายๆ จังหวะตลอดเกม และสื่อไม่ควรจับผิดทุกครั้งที่นายทวารเมืองเบียร์เล่นพลาด แต่หงส์แดงก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า หากหวังจะลุ้นแชมป์ใหญ่ๆ ทั้งถ้วยยุโรปที่พลาดไป หรือถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกที่รอคอยมานาน ก็จำเป็นต้องจำกัดความผิดพลาดให้น้อยที่สุด
โดยเฉพาะในตำแหน่งผู้รักษาประตูที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการตัดสินแพ้ชนะ และดูจะเป็นปัญหาใหญ่ของลิเวอร์พูลมาหลายปีตั้งแต่ เปเป้ เรน่า เริ่มฟอร์มตก และแต่ละคนที่มาแทนที่ก็ยังไม่ดีพอ
ตั้งแต่คล็อปป์เข้าไปรับงานที่แอนฟิลด์เมื่อปี 2015 เขาสร้างหงส์แดงให้เป็นเครื่องจักรทำประตูที่ทรงประสิทธิภาพ โดยฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูลทำประตูในพรีเมียร์ลีกได้ถึง 84 ประตู สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก เป็นรองเพียงแชมป์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ขณะเดียวกันก็เสียประตูถึง 38 ลูก มากที่สุดในบรรดาทีมท็อปไฟว์ (เท่ากับเชลซี) ยืนยันชัดเจนว่าเกมรับยังมีปัญหา
ส่วนประเด็นเรื่องความคุ้มค่าและคุ้มทุนของอลิสซอนนั้น ช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา เขาจัดเป็นนายทวารเนื้อหอมที่สุดคนหนึ่งของลีกยุโรป หลังจากโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการเฝ้าเสาให้โรม่า จนสื่อและแฟนๆ พากันตั้งฉายาให้เขาว่า ลิโอเนล เมสซี่ ของตำแหน่งผู้รักษาประตู หรือก็คือการเปรียบเปรยว่าเขา “เทพ” มากในตำแหน่งนี้นั่นเอง
ฤดูกาลที่ผ่านมา อลิสซอนทำสถิติเซฟลูกมากครั้งที่สุดเป็นอันดับ 2 ของ 5 ลีกใหญ่ในยุโรป ส่วนเปอร์เซ็นต์การเซฟลูกสำเร็จสูงถึง 79.3 เปอร์เซ็นต์ สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจาก แยน โอบลัก ของแอตเลติโก้ มาดริด (82.7 เปอร์เซ็นต์) และ ดาบิด เด เกอา ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (80.3 เปอร์เซ็นต์) เท่านั้น
นอกจากปฏิกิริยาตอบสนองอันรวดเร็วและแม่นยำที่เป็นจุดเด่นแล้ว อลิสซอนยังเป็นผู้รักษาประตูแบบฉบับนายทวารยุคใหม่ คือไม่ได้มีหน้าที่แค่ใช้มือเซฟลูกในกรอบเขตโทษได้ดีอย่างเดียว แต่ยังใช้เท้าเล่นบอลทั้งในและนอกกรอบได้ดีเช่นกัน
ฤดูกาลที่แล้วเขาใช้เท้าผ่านบอลไปมากับเพื่อนร่วมทีมระหว่างเกมมากถึง 1,082 ครั้ง และสามารถเตะเปิดเกมหาเพื่อนร่วมทีมในแดนหน้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะเป็นอาวุธลับสำคัญในเกมรุกและเกมโต้กลับเร็วอันเป็นจุดเด่นของลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของคล็อปป์ในปัจจุบัน
ด้วยจุดเด่นหลายๆ ประการดังกล่าว ทำให้ ติเต้ ไว้วางใจให้อลิสซอนเป็นประตูมือ 1 ของทีมชาติบราซิลชุดลุยศึก ฟุตบอลโลก 2018 ที่เพิ่งจบไป เหนือกว่า เอแดร์ซอน นายทวารแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษเสียอีก
ส่วนเรื่องค่าตัวที่สูงลิบจนเป็นสถิติโลกนั้น เรียกว่าเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากการทำธุรกิจระหว่างลิเวอร์พูลและโรม่าเอง เนื่องด้วยฤดูกาลก่อน หงส์แดงซื้อ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ปีกชาวอียิปต์จากทีมหมาป่าแห่งกรุงโรมในราคา 42 ล้านยูโร (1,218 ล้านบาท) ซึ่งอาจเพิ่มเป็น 50 ล้านปอนด์ (1,950 ล้านบาท) เมื่อรวมโบนัสตามผลงาน
บรรดากูรูลูกหนังต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โรม่าคิดผิดอย่างจังที่เรียกราคาย่อมเยาขนาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อซาลาห์ระเบิดฟอร์มสุดยอดกับหงส์แดง ทำไป 44 ประตูในทุกถ้วย จนกวาดรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมหลายสถาบัน
พอต้องมาดีลกันอีกครั้ง โรม่าจึงตั้ง “ภาษีซาลาห์” เพื่อเรียกทุกคืนจากที่ขาย “อียิปต์คิง” ไปในราคาสุดประหยัด ขณะที่ฝั่งลิเวอร์พูลก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะนอกจากพวกเขาแล้ว รีล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งสเปนก็เป็นอีกหนึ่งแคนดิเดทที่จะคว้าอลิสซอนไปร่วมทีม ด้วยกำลังทรัพย์ที่พร้อมทุ่มทุน
สุดท้ายหงส์แดงจึงต้องยอมควักกระเป๋าแบบไม่อิดออด แต่ก็พยายามคิดบวกว่า เมื่อคำนวณร่วมกับค่าตัวซาลาห์ รวมถึงค่าตัว เชอร์ดาน ชากิรี่ แข้งดังชาวสวิสที่เพิ่งซื้อมาจากสโต๊ก ซิตี้ ในราคาแสนถูก 13.75 ล้านปอนด์ (605 ล้านบาท) เป็นค่าฉีกสัญญาแล้ว ถือว่าถัวเฉลี่ยกันไป
การมาของอลิสซอน เบ็คเกอร์ ในครั้งนี้ จึงทำให้สื่อและเกจิลูกหนังเมืองผู้ดีจับตามองลิเวอร์พูลค่อนข้างมากว่าจะอุดช่องโหว่สำคัญเมื่อฤดูกาลก่อนได้สนิทหรือไม่ และนายทวารชาวบราซิลคนนี้จะเป็น “จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย” สู่บัลลังก์แชมป์ที่พวกเขาเฝ้ารอหรือเปล่า
ส่วนคนที่เป็นอดีตไปแล้วอย่างโลริส คาริอุส หากยังไม่สามารถเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้ การไปเริ่มต้นใหม่ที่ไหนสักแห่ง อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ผู้เขียน : วรรณมณี บัวเทศ