การแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น รอบรองชนะเลิศ กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่จาการ์ตา อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็กซ์โป กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม โดยมีนักชกไทยทะลุผ่านเข้ามาถึงรอบตัดเชือกนี้ 6 รุ่นจากที่ส่งเข้าร่วมชิงชัยทั้งหมด 10 รุ่น
คู่สุดท้ายในรุ่นเฟเธอร์เวท 57 กก.หญิง “เมษา” นิลาวัลย์ เตชะสืบ กำปั้นสาวไทยวัย 25 ปี ขึ้นชกเอเชี่ยนเกมส์ครั้งแรก ไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของ หยิน จุนหัว นักชกสาวจีนวัย 28 ปี เจ้าของแชมป์เก่าเมื่อ 4 ปีก่อน ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ และดีกรีเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 2016
ครบ 3 ยกผลการแข่งขันปรากฏว่า กำปั้นสาวนิลาวัลย์ พ่ายคะแนนขาดลอย 0-5 คะแนน ทำให้นิลาวัลย์คว้าเหรียญทองแดงไปครองในเอเชี่ยนเกมส์หนแรกของตัวเอง
หลังการแข่งขัน ฮวน ฟอนตาเนียล หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวคิวบา กล่าวว่า พอใจกับผลงานของนิลาวัลย์ ถือว่าทำได้ดีแล้ว เพราะเขายังเป็นมวยที่ขาดเวที ขาดประสบการณ์ แต่ก็มีรูปร่างดี สูง และมีจิตใจที่สู้ เชื่อว่าอีก 2 ปีข้างหน้าเขามีโอกาสได้ไปโอลิมปิก แต่วันนี้พรุ่งนี้เรายังมีลุ้นเหรียญทองจากรุ่นไลท์เวท 60 กก.หญิง “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี สู้ได้ และมีโอกาสได้เหรียญทอง 90 เปอร์เซ็นต์
สรุปผลการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ ทีมมวยสากลทีมชาติไทย ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เพียงรุ่นเดียวคือ รุ่นไลท์เวท 60 กก.หญิง “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี จากทั้งหมดที่ส่งเข้าร่วมการแข่งขัน 10 รุ่นในเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้ และคว้าไปแล้ว 5 เหรียญทองแดง ประกอบด้วย
รุ่นฟลายเวท 52 กก.ชาย “ดัง” ยุทธพงศ์ ทองดี
รุ่นไลท์เวท 60 กก.ชาย “กี้” รุตชการญ์ จันทร์ตรง
รุ่นเวลเตอร์เวท 69 กก.ชาย “ลม” สายลม อาดี
รุ่นไลท์เวลเตอร์เวท 64 กก.ชาย “เอ็ม” วุฒิชัย มาสุข
รุ่นเฟเธอร์เวท 57 กก.หญิง “เมษา” นิลาวัลย์ เตชะสืบ
ทั้งนี้ ในเอเชี่ยนเกมส์ 2018 ครั้งนี้ นักมวยสากลชายไทย ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเอเชี่ยนเกมส์ได้เลยเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี นับตั้งแต่เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 7 ที่กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ซึ่งครั้งนั้นทัพกำปั้นหนุ่มไทยคว้าได้เพียง 1 เหรียญทองแดงเท่านั้น
