หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือป้ายแดงของทีม “กระทิงดุ” สเปน กล่าวหลังจากพาลูกทีมถล่ม “ตาหมากรุก” โครเอเชีย รองแชมป์โลก 6-0 ในฟุตบอลยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ลีกเอ กลุ่ม 4 เมื่อคืนวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ว่า พูดได้ว่าเลยนี่เป็นทีมสเปนยุคใหม่ ที่สร้างโอกาสทำประตูได้มากมาย และเสียประตูน้อย ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วมาก แต่การจะเอาทีมชุดนี้ไปเทียบกับทีมที่ตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2018 เป็นเรื่องไม่เหมาะสมนัก ส่วนการที่มีนักเตะรีล มาดริด เป็นแกนหลักของทัพกระทิงดุชุดนี้มากมาย ทั้งเซร์คิโอ้ รามอส, อิสโก้, ดานี่ คาร์บาฆาล, ดานี่ คาเบญอส, นาโช่ ตนไม่ได้สนใจ แม้ว่าจะเป็นนักเตะและผู้จัดการทีมบาร์เซโลน่ามาก่อน เพราะทุกคนลงเล่นในสีเสื้อของสเปน
“แมตช์นี้ทุกคนเล่นได้อย่างสุดยอด ทุกอย่างออกมาเพอร์เฟ็กต์ โครเอเชียมีโอกาสจะได้ประตูก่อน แต่พวกเขาทำไม่ได้เอง หลังจากนั้นเราก็เล่นกันได้อย่างเยี่ยมยอด และยิงประตูสวยๆ เอาชนะไปได้” เอ็นริเก้กล่าว
ด้านซลัตโก้ ดาลิช เฮดโค้ชโครเอเชีย กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับ และคงไม่นั่งร้องไห้กับผลการแข่งขัน แต่จะต้องพัฒนาทีมให้ดีขึ้น หลังจากเสียประตูแรกไป ลูกทีมก็เสียสมาธิ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นในเกมที่เจอกับสเปน ทีมที่ได้เล่นได้ดีในบ้าน และหลังจากเสียประตูที่สอง ทุกอย่างก็จบลงโดยสิ้นเชิง
โดยแมตช์นี้ ซาอูล นิเกซ ยิงให้สเปนขึ้นนำ นาทีที่ 24 มาร์โก อเซนซิโอ บวกเพิ่ม นาทีที่ 33 ก่อนที่ลอฟเร่ คาลินิช จะทำเข้าประตูตัวเอง นาทีที่ 35 ครึ่งหลัง สเปนได้อีก 3 ประตู โรดริโก้ นาทีที่ 49 เซร์คิโอ้ รามอส นาทีที่ 57 และอิสโก้ นาทีที่ 70 ถือเป็นความพ่ายแพ้ที่เละเทะที่สุดในประวัติศาสตร์
หลังจบเกมนี้แฟนบอลสเปนในโลกออนไลนืได้แสดงความเห็นว่า ทีมกระทิงดุจะคว้าแชมป์ยูโร 2020 ได้อย่างแน่นอน หลังจากทำผลงานได้ดีในยุคของเอ็นริเก้
ขณะที่เบลเยียม ทีมอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2018 ยังโชว์ฟอร์มเก่งต่อเนื่อง บุกถล่มไอซ์แลนด์ 3-0 ในกลุ่ม 2 ลีกเอ ได้ประตูจากจุดโทษของเอเดน อาซาร์ นาทีที่ 29 และโรเมลู ลูากากู นาทีที่ 31, 81 ชนะ 2 นัดรวด ส่วนไอซ์แลนด์ลงเตะ 2 นัด โดนยิง 9 ประตู ยิงประตูใครไม่ได้เลย
ผลเนชั่นส์ลีก คู่อื่น บอสเนีย ชนะ ออสเตรีย 1-0 ฟินแลนด์ ชนะ เอสโตเนีย 1-0 ฮังการี ชนะ กรีซ 2-1 มอลโดวา เสมอ เบลารุส 0-0 ซานมาริโน แพ้ ลักเซมเบิร์ก 0-3
