สกู๊ปเอ็กซ์คลูซีฟ ‘จาย อังค์สุธาสาวิทย์’ – ฮีโร่จักรยานคนใหม่ของไทย

แม้ว่าจะผ่านมาแล้วสัปดาห์กว่าๆ แต่ช็อตการยกล้อเข้าเส้นชัยของเจ้าหนุ่ม “ทีเจ” จาย อังค์สุธาสาวิทย์ นักปั่นสองล้อวัย 23 ปี ลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลียน ยังคงอยู่ในใจของใครหลายๆ คน เพราะเอาจริงๆ การแข่งขันตื่นเต้น ลุ้นชัยชนะกันในเสี้ยววินาที ไม่ค่อยได้มีมาให้คนไทยได้ลุ้นกันมากนัก

ความฮอตของเจ้าตัวเองก็ถือว่าไม่ธรรมดา ดังนั้นทีมงานข่าวกีฬา “มติชน” จึงไม่รอช้าที่จะนำมานั่งจับเข่าคุยกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อเจาะลึกเรื่องราวส่วนตัวทุกแง่ทุกมุมมานำเสนอกัน

คำถามแรก ทำไมถึงมาเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยได้?
ทีเจ : ตัวผมฝึกซ้อมจักรยานที่ออสเตรเลียมากว่า 10 ปี แต่พอจะขยับจากระดับเยาวชนขึ้นเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ของทีมชาติออสเตรเลียให้ได้อย่างต่อเนื่องนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะว่ามาตรฐานการเล่นของที่นั่นสูงมาก ผมลองเล่นมากกว่า 5 ปี จนกระทั่งได้รับโอกาสที่สามารถมาเล่นให้เมืองไทยได้ ซึ่งการเล่นที่เมืองไทยนั้นทำให้มีโอกาสได้ลงเล่นในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จึงได้ตัดสินใจเลือกมาอยู่ที่เมืองไทยในที่สุด

หลายคนชื่นชอบมากกับจังหวะที่ยกล้อเพื่อเข้าสู่เส้นชัย อยากรู้จริงๆ ว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่?
ทีเจ : เอาจริงๆ ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลย รู้แค่ว่าตอนนั้นมันสูสีกันมาก รู้แค่ว่าจะต้องรีบเอาจักรยานเข้าไปถึงเส้นชัยให้เร็วที่สุด ยังเหมือนเหวี่ยงรถออกไป ทุ่มสุดตัวเพื่อจะเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกให้ได้ โดยที่ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าล้อมันยกลอยขึ้นมา

Advertisement

จังหวะนั้นทำไมเหมือนมีแค่เราคนเดียวที่ยกล้อ คนอื่นไม่ทำกัน?
ทีเจ : ตอนนั้นผมคิดว่า อาวัง โมฮัมหมัด แชมป์โลกของมาเลเซียนั้นอยู่ในกับดักของผมกับ ยูได นิตตะ นักปั่นญี่ปุ่น ประกบอยู่ซ้ายขวา ทำให้อยากจะโยนรถเข้าเส้นชัยก็ทำไม่ได้ ส่วนฝั่งนิตตะนั้น เขาก็โยนรถเหมือนกันเพียงแต่เร็วไปจังหวะหนึ่ง กลับกันของผมเป็นจังหวะที่ดีกว่าเลยทำให้เข้าเส้นชัยไปก่อน

หลังจากได้เหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์มาชีวิตเปลี่ยนมากแค่ไหน?
ทีเจ : มันเปลี่ยนจนเหมือนเป็นอีกชีวิตหนึ่งไปเลย ก่อนที่จะได้เหรียญตัวเองเหมือนเป็นโนบอดี้ที่แบบไม่มีใครรู้จัก เป็นอันเดอร์ด็อกก็ว่าได้ แต่พอตอนนี้มันเปลี่ยนไป มีแต่คนรู้จัก มีแต่คนเข้ามาขอถ่ายรูป แสดงความยินดีด้วย ขนาดว่านั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ก็ยังมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปด้วยเลย เรื่องเหล่านี้โค้ชได้เตือนตั้งแต่ก่อนจะเดินทางกลับแล้วว่าเมื่อไหร่ที่ถึงเมืองไทยชีวิตจะเปลี่ยนไปเป็นคนละเรื่องกันเลย ดังนั้นจะต้องปรับตัวแล้วอยู่กับมันให้ได้ ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่โค้ชบอก พอเครื่องลงผ่านด่านตรวจคนเข้ามา ก็เจอแต่กล้องเต็มไปหมด

ถามถึงไลฟ์สไตล์กันบ้าง เวลาว่างๆ ชอบทำอะไร?
ทีเจ : เมื่อก่อนผมจะมีงานเเสริมเป็นพนักงานล้างจานในร้านอาหาร หรือเป็นผู้ช่วยเชฟ คอยจัดเตรียมของให้กับเชฟ ทำเพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเองกับแม่ และส่วนหนึ่งที่ชอบงานนี้ก็เพราะว่าพ่อเองก็เป็นเชฟ มันจึงเหมือนเป็นอาชีพติดตัวมา ส่วนค่าจ้างเองตอนนั้น ที่ทำได้ 23 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 550 บาท) ต่อชั่วโมง ซึ่งก็ถือว่าเป็นค่าจ้างที่เหมาะสมอยู่

พ่อเป็นเชฟแบบเคยทำอะไรให้กินบ้างไหม?
ทีเจ : ก็ทำให้กินบ่อยๆ มีทั้งอาการแบบออสเตรเลีย หรืออาหารไทยก็มี ซึ่งชอบกินหมดทุกอย่างเลย

ถามต่อว่าถ้าหากไม่เป็นนักกีฬาจักรยาน จะไปทำอะไร?
ทีเจ : ถ้าหากไม่ได้เป็นนักกีฬา ตอนนี้ก็อาจจะเจริญรอยตามพ่อกลายเป็นพ่อครัวเต็มตัวไปแล้วก็ได้ ตอนนี้ทางสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ กำลังหาห้องพักให้อยู่ ด้วยการเช่าคอนโดที่มีห้องครัวในตัวเพื่อจะได้ทำอาหารทานเองได้ด้วย

นอกเหนือจากกีฬาจักรยานแล้วมีกีฬาอื่นๆ ที่ชอบบ้างไหม?
ทีเจ : ผมชอบดูพวกกีฬามอเตอร์สปอร์ต รถแข่ง, รถจักรยานยนต์ เมื่อก่อนเองก็เคยเป็นนักวิ่งมาก่อนด้วย เรียกได้ว่าชื่นชอบกีฬาทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับความเร็วทั้งหมด ที่ชอบมากๆ ก็จะเป็นพวกการแข่งขันดริฟท์รถ

รู้หรือไม่ว่าจะมีการแข่งขันโมโตจีพีที่ประเทศไทย?
ทีเจ : จริงเหรอครับ (ทว่าช่วงเวลาที่จัดการแข่งขันพีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ เป็นช่วงเวลาเดียวกับการแข่งขันเอซีซี แทร็ก เอเชียคัพ 2018 ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ที่จายเองก็ต้องลงแข่งขันด้วย) แต่ผมก็อยากจะพยายามไปดูให้ได้นะ

แล้วกีฬายอดฮิตอย่างฟุตบอลหล่ะ สนใจบ้างไหม?
ทีเจ : จริงๆ แล้วผมไม่ค่อยชอบดูพวกฟุตบอลเท่าไหร่ แต่เมื่อสมัยที่เรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ตอนนั้นมีแมตช์อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนคัพ ก็เคยได้ตั๋วฟรีเข้าไปดูเกมระหว่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ “ปีศาจแดง-ดำ” เอซี มิลาน มาแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีทีมใดที่เชียร์เป็นพิเศษ

แบบนี้ถ้าไม่ใช่เวลาที่ฝึกซ้อม มีงานอดิเรกอะไรบ้าง?
ทีเจ : ผมมีงานอดิเรกคือ ทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ เพราะว่าเป็นคนชอบรถยนต์มาก ทำได้หมดทั้งงานช่าง ประกอบรถเอง ซ่อมเอง หรือพวกถ่ายน้ำมันเครื่องเอง

คำถามนี้สาวๆ อยากรู้แน่นอนว่ามีเจ้าของหัวใจหรือยัง?
ทีเจ : ผมขอไม่พูดถึงเรื่องนี้ดีกว่าครับ (ฮา)

งั้นถามถึงความฝันในวัยเด็กบ้าง เคยอยากเป็นอะไรมาก่อน?
ทีเจ : ตั้งแต่เด็กๆ พ่อกับแม่เองก็ไม่เคยบังคับว่าจะต้องเป็นอะไร ตอนเด็กๆ พยายามลองหลายกีฬามาก่อน แต่เล่นไปเล่นมาก็ไม่ได้ดีสักอย่าง ส่วนจักรยานเนี่ยเป็นกีฬาแรกๆ เล่ยที่ลองเล่น แล้วก็รู้สึกว่าชอบมากที่สุด จนได้กลายมาเป็นนักกีฬาในที่สุด

มาถึงเรื่องเครียดๆ กันบ้าง ตอนนี้เป้าหมายต่อไปวางไว้อย่างไรบ้าง?
ทีเจ : ตอนนี้จะต้องเตรียมเก็บคะแนนจากการแข่งขันเวิลด์คัพ เพื่อให้ได้สิทธิผ่านเข้าไปเล่นในรายการเวิลด์แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งทุกรายการเป็นการเก็บคะแนนสะสมเพื่อที่จะผ่านเข้าไปเล่นในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นแทบทั้งสิ้น

จากการคว้าเหรียญทองในเอเชี่ยนเกมส์มาได้ ทำให้ทุกคนมองว่าจายเป็นตัวเต็งที่จะคว้าโควต้าได้ รู้สึกกดดันบ้างไหม?
ทีเจ : แน่นอนว่าการมาอยู่ตรงจุดนี้มันมีความกดดันอยู่แล้ว แต่แรงกดดันจะเอามาใช้เพื่อที่จะเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองทำผลงานให้ได้ดียิ่งขึ้นกว่านี้

แน่นอนว่าการคว้าโควต้าเพื่อจะไปโอลิมปิกเกมส์นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน ซึ่งนี่ก็จะเป็นอีกบททดสอบหนึ่งที่รอน่องเหล็กรายนี้ได้พิสูจน์ตัวเองเช่นกัน
เชื่อว่าแฟนๆ กีฬาชาวไทยจะคอยให้กำลังใจ จาย หนุ่มน้อยอารมณ์ดีรายนี้เพื่อไปให้ถึงฝั่งฝันเช่นกัน…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image