สกู๊ปพิเศษกีฬา : ก้องศักด ยอดมณี บทพิสูจน์เก้าอี้ผู้ว่าการ กกท.

การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กำลังจะได้ผู้นำคนใหม่มานั่งเก้าอี้ตัวใหญ่คุมค่ายหัวหมากแบบเต็มตัวในอีกไม่กี่วันข้างหน้าต่อจาก “บิ๊กเสือ” สกล วรรณพงษ์ ที่เกษียณอายุราชการในตำแหน่งสูงสุดขององค์กรอย่าง “ผู้ว่าการ กกท.”

ผู้ที่จะมานั่งเก้าอี้ตัวดังกล่าวคือ ก้องศักด ยอดมณี หรือ “ก้อง” หรือในไม่ช้าจะกลายเป็น “บิ๊กก้อง” เต็มตัว…

ว่ากันว่า ก้องศักด ยอดมณี จะเริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2561 เป็นต้นไป หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ กกท. คนที่ 13 ไปเมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจาก ก้องศักด ยอดมณี ต้องการบริหารงานภายใต้งบประมาณประจำปี 2562 ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม 2561

ก่อนหน้านี้โปรไฟล์ของ ก้องศักด ยอดมณี ไม่ได้โดดเด่นในเรื่องของกีฬา แทบจะไม่เคยคลุกคลีกับวงการกีฬาของเมืองไทยมาก่อน แต่โปรไฟล์ด้านครอบครัว การศึกษา ประวัติการทำงาน ต้องยอมรับว่าไม่ธรรมดา

Advertisement

ก้องศักด ยอดมณี ฝ่าด่านอรหันต์เป็น 1 ใน 8 ผู้สมัครชิงเก้าอี้นายใหญ่ค่ายหัวหมากตามกระบวนการสรรหาแบบเซอร์ไพรส์ เพราะต้องยอมรับตามตรงว่าชื่อของ ก้องศักด ยอดมณี แทบจะไม่ได้อยู่ในสายตาของบรรดา “กูรู” บรรดา “ขาใหญ่-ขาเล็ก” ทั้งจากภายใน กกท. และจากคนกีฬาโดยรอบนอก แม้กระทั่งสื่อมวลชนสายกีฬาเองก็ตาม

นั่นจึงกลายเป็นความกดดันครั้งสำคัญที่ “ว่าที่ผู้นำค่ายหัวหมาก” ต้องพิสูจน์ตัวเองในฐานะเบอร์ 1 องค์กรรัฐวิสาหกิจใหญ่อย่าง กกท. ที่สำคัญจะเอาชนะใจคนกีฬาได้หรือไม่ ห้วงเวลา 4 ปีนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2562-2565 ที่บริหารงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์เส้นทางของผู้ว่าไฟแรงดีกรีหนุ่มนักเรียนนอกได้เป็นอย่างดี

ก้องศักด ยอดมณี เป็นหลานชายแท้ๆ ของ จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2515 เดิมชื่อ พงษ์ศักดิ์ ยอดมณี เป็นบุตรชายคนที่ 2 จากทั้งหมด 3 คน ของ ดร.สุวิทย์ ยอดมณี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับ คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี บุตรสาว จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของประเทศไทย

ประวัติด้านการศึกษา ปริญญาตรี นิติศาสตร์ (น.บ.) เกียรตินิยมอันดับ 2 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย / ปริญญาโท ด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยบริสตอล ประเทศอังกฤษ / ปริญญาเอก สาขาการจัดการกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ประวัติการทำงาน เคยทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย, เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, เคยลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 5 (บางเขน สายไหม ดอนเมือง) ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์

สำหรับงานด้านกีฬาพอจะเคยสัมผัสมาบ้างแบบผิวเผิน ในสมัยที่เป็นที่ปรึกษาผู้ว่า กทม. กำกับดูแลงานด้านการกีฬาและเยาวชน เคยเป็นกรรมการสโมสรฟุตบอลราชนาวี เคยริเริ่มและดำเนินการโครงการคลินิกวิทยาศาสตร์การกีฬาเคลื่อนที่ เพื่อทดสอบสมรรถภาพร่างกายพร้อมให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพแก่ประชาชนในชุมชนต่างๆ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เคยช่วยงานสมาคมกีฬากรุงเทพ

ที่บอกว่าผิวเผินเพราะสนามจริง เดอะโชว์มัสโกออน ยังไม่เริ่มต้นขึ้น แต่กำลังจะเริ่มอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2561 เป็นต้นไป นี่เปรียบเสมือนเวทีแข่งขันระดับโอลิมปิกเกมส์ หรือฟุตบอลโลก อย่างแท้จริง

นี่คือ งานกีฬาที่ ก้องศักด ยอดมณี จะต้องทำอย่างจริงๆ จังๆ ในฐานะผู้นำวงการกีฬาของเมืองไทยที่หลายคนคาดหวังว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลง จะเข้ามาปฏิรูป จะเข้ามาเพื่อปฏิวัติ จะเข้ามาเพื่อสังคายนาวงการกีฬาให้เดินหน้าไปอย่างถูกต้องตามครรลอง และประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ กีฬาเพื่อการอาชีพอันจะส่งผลไปถึงอุตสาหกรรมกีฬาระดับประเทศที่เราไฝ่ฝันกันเอาไว้

แน่นอนว่าด้วยวัยวุฒิของ ก้องศักด ยอดมณี ที่อายุเพียง 45 ปีคงจะเป็นอุปสรรคบ้างในการทำงานเพราะต้องบอกกันไว้ก่อนเลยว่า ในค่ายหัวหมากนั้น ก้องศักด ยอดมณี ต้องเผชิญหน้ากับบรรดาเสือ สิงห์ กระทิง แรด ที่ล้วนแต่เขี้ยวลากดิน ประสบการณ์ทำงานระดับชั้นเซียน รู้นอก รู้ใน ครบเครื่องต้มยำแทบทั้งสิ้น

สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ ก้องศักด ยอดมณี เริ่มต้นทำงานเพื่อวงการกีฬาได้อย่างถูกทาง ถูกต้อง ถูกครรลอง ที่สำคัญถูกระเบียบข้อบังคับ ต้องมีทีมงานกุนซือข้างกายที่เชื่อใจได้ เพราะบรรดากุนซือเหล่านี้จะคอยเป็นทั้งพี่เลี้ยง เป็นพี่ใหญ่คอยแนะนำในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ

แว่วมาจากคนในค่ายหัวหมากอีกนั่นแหละว่า ก้องศักด ยอดมณี ระดมทีมงานที่ปรึกษาด้านกีฬาไว้แล้ว มีชื่อของ มนตรี ไชยพันธุ์ อดีตรองผู้ว่าการ กกท. และ นนชัย ศานติบุตร อดีตผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผน กกท. รวมถึงอดีตผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา กกท. ที่้เกษียณอายุราชการไปแล้วมาร่วมงานอยู่ด้วย

เวลานี้ค่ายหัวหมากเกิดแรงกระเพื่อมภายในคล้ายจะเหมือนระเบิดเวลาที่ถูกตั้งไว้ บางคนเห็นด้วยกับการมาของทั้ง 2 คนนี้ บางคนไม่เห็นด้วยแต่ด้วยความที่เคยรักใคร่ชอบคอกันมาเห็นหน้าตากันมาตลอดทำให้ข่าวลือที่ว่านั้น ทุกคนรอลุ้นกันอย่างระทึกเช่นกัน

ช่วงแรกของการทำงานแน่นอนว่า ก้องศักด ยอดมณี ต้องเจอด่านทดสอบหลายเรื่องแน่นอน ทั้งจากคนใน และคนนอก กกท. ซึ่งล้วนแต่เป็นระดับ “ขาใหญ่” แทบทั้งสิ้น

คนพวกนี้เคยสัมผัสกับ ดร.สุวิทย์ ยอดมณี ในสมัยที่ดำรงตำแหน่ง รมว.กีฬา มาแล้วเกือบทั้งนั้น เชื่อว่าคุณพ่อคงแนะนำวิธีการปกครอง และทำงานร่วมกับบรรดาคนเหล่านี้มาแล้ว

แต่สิ่งที่อดห่วงไม่ได้คือ ในสังคมกีฬาที่ต้องเจอแต่คนจ้องแต่แสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง ให้กับพรรคพวกของตัวเอง แล้วมือใหม่หัดขับอย่าง ก้องศักด ยอดมณี รู้ไม่เท่าทัน หรือได้รับข้อแนะนำผิดๆ อาจทำให้ความหวังดีที่จะเข้ามาเพื่อพัฒนาวงการกีฬาด้วยความเป็นคนรุ่นใหม่ วิธีคิดแบบใหม่ๆ ซึ่งเราๆ คนกีฬาต้องเปิดโอกาสให้ได้ทำงานก่อนนั้น มันจะกลายเป็นความท้อแท้

ก้องศักด ยอดมณี เปิดใจว่า พร้อมจะเข้ามาทำงานแล้ว นโยบายกว้างๆ ที่วางกรอบในการทำงานไว้คือ การผลักดันให้ กกท. เป็นองค์กรที่มีการบริหารจัดการที่มีมาตรฐานสากล โดยยึดหลักธรรมาภิบาลโปร่งใส ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น ทำงานอย่างตรงไปตรงมา และอาศัยความร่วมมือกับองค์กรที่เกี่ยวข้องโดย กกท. เป็นผู้ประสานที่ดี ยกระดับให้ กกท. เป็นองค์กรดิจิตอล เบิกจ่ายเงินงบประมาณทันสมัย และรวดเร็วขึ้น ลดขั้นตอนเอกสารเพื่อให้สามารถนำไปใช้พัฒนากีฬาได้เร็วกว่าเดิม ผลักดันให้ไทยเป็นประเทศแห่งกีฬา เน้นวิทยาศาสตร์การกีฬา และการปรับปรุงกฎหมายกีฬาให้เกิดความเป็นธรรม

“ว่าที่” บิ๊กก้อง บอกอีกว่า กกท. จะทำงานกับสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาจังหวัด คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมพลศึกษา รวมไปถึงบุคลากรกีฬาทั้งนักกีฬา โค้ช นักวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างใกล้ชิด ทำงานเชิงรุก จะสนับสนุนด้านต่างๆ ทั้งเรื่องของงบประมาณ ทั้งเรื่องงานวิชาการ งานวิจัย เพราะเป็นหน้าที่เป็นหัวใจสำคัญ เป็นบทบาทที่ กกท. ต้องดำเนินตามครรลอง เป็นบทบาทที่เราไม่ได้ไปสั่งการเขา แต่บทบาทของ กกท. คือการสนับสนุน ส่งเสริมในทุกๆ กีฬา

“อย่างแรกที่ผมจะเริ่มทำทันทีหลังจากเข้ารับตำแหน่ง คือ การปฏิรูปนโยบายต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของ กกท.สู่สายตาประชาชน รวมถึงการเข้าไปเป็นตัวกลางในการประสานรอยร้าวของ กกท.และสมาคมกีฬาต่างๆ ตามที่คณะกรรมการสรรหาต้องการ ซึ่งผมเองคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญมากเลยทีเดียวในการจะพัฒนาวงการกีฬาไทยให้ก้าวไปข้างหน้า” นายใหญ่ค่ายหัวหมากป้ายแดงกล่าว

ประตูสู่ชีวิตด้านกีฬาของ ก้องศักด ยอดมณี กำลังจะเปิดด้วยความคาดหวังพร้อมๆ กับแรงกดดัน

รอดูกันว่าด่านแรกคือ การเอาชนะใจคนกีฬาของ ก้องศักด ยอดมณี จะสอบผ่านได้หรือไม่ หากทำได้สำเร็จเส้นทางในค่ายหัวหมากจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ

แต่หากทำไม่สำเร็จเส้นทางผู้ว่าการ กกท. คงเจอแต่ปัญหา…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image