จาก ‘รุ่งโรจน์’ สู่ ‘ล้มละลาย’ ส่องชีวิตนอกสังเวียนผ้าใบ ‘บาส’ สมรักษ์ คำสิงห์

กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต สำหรับกรณีที่ “บาส” สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยสากลทีมชาติไทย ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์คนแรกของไทย หลังจากที่ถูกคําสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ให้เป็นบุคคลล้มละลายร่วมกับภรรยา นางเสาวนีย์ คำสิงห์ ทำให้จากที่เคยขึ้นสู่จุดสูงสุด ลงมาสู่จุดต่ำสุดของชีวิตนอกสังเวียนของชายผู้นี้…

สมรักษ์ คำสิงห์ ประสบความสำเร็จบนสังเวียนผ้าใบ จากจุดเริ่มต้นด้วยการคว้าเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ สมัยแรก ที่เมืองฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ.2537 ก่อนจะคว้าแชมป์ซีเกมส์ครั้งที่ 18 ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2538 และผ่านการคัดเลือก ไปเข้าร่วมชิงชัยในโอลิมปิกเกมส์ ที่แอตแลนต้า สหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ.2539

ในโอลิมปิกเกมส์ครั้งนั้น สมรักษ์ คำสิงห์ สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ด้วยการกลายเป็นนักกีฬาไทยคนแรก ที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ได้สำเร็จ หลังขึ้นชกรอบชิงชนะเลิศเอาชนะ เซราฟิม โทโดรอฟ จากบัลแกเรีย ได้อย่างยิ่งใหญ่ ทำให้เขาพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิตได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

Advertisement

หลังจากนั้นชีวิตของสมรักษ์เปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นซุปเปอร์สตาร์อันดับต้นของเมืองไทย ซึ่งทำให้เขาเริ่มมีงานในหลากหลายวงการเข้ามามากมาย รวมทั้งงานในวงการบันเทิง ที่ทำให้เขากลายเป็นดาราดังคนหนึ่ง ส่งผลให้การฝึกซ้อมของเขาน้อยลงไป

จนกระทั่งในโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 4 ของสมรักษ์ ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อปี 2547 เขากระเด็นตกรอบแรกไปแบบพลิกความคาดหมาย ทำให้ สมรักษ์ คำสิงห์ ประกาศเลิกชกมวยสากลสมัครเล่น หลังจากผ่านสังเวียนมายาวนานหลายสิบปี…

Advertisement

 

ช่วงชีวิตนอกสังเวียนของ สมรักษ์ คำสิงห์ แต่งงานกับ นางเสาวนีย์ คำสิงห์ ภรรยาที่รู้จักกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ที่ยังศึกษาอยู่ที่บ้านเกิด จ.ขอนแก่น โดยมีบุตรด้วยกัน 2 คนคือ ลูกสาวคนโต “เบสท์” รักษ์วนีย์ คำสิงห์ และลูกชายคนเล็ก “โบ๊ท” ภูวรักษ์ คำสิงห์

เจ้าของฉายา “ไม่ได้โม้” ก็มีงานในวงการบันเทิงอย่างมากมาย ทั้งงานละครโทรทัศน์, งานละครซิทคอม, งานภาพยนต์, งานเพลง และงานโฆษณาต่างๆ รวมทั้งงานธุรกิจส่วนตัวที่เขาทำขึ้นภายหลังจากเลิกชกมวยสากลสมัครเล่นแล้ว

อดีตกำปั้นฮีโร่โอลิมปิกเกมส์ประกอบธุรกิจส่วนตัวมากมาก อาทิ “แทมมาริน คลินิก” ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพและความงาม, “ครีมฮีโร่ บัส” ธุรกิจครีม และโลชั่น ขายผ่านช่องทางออนไลน์ และร้านหมูกระทะ “สมรักษ์ย่างเกาหลี” ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมในยุคสมัยนั้น

นอกจากนั้น เขาก็ยังเปิดค่ายมวย “ส.คำสิงห์” ซึ่งเป็นค่ายมวยที่เขานำประสบการณ์ชีวิตบนสังเวียนของเขา มาถ่ายทอดให้กับนักมวยดาวรุ่งหน้าใหม่ ให้เติบโตขึ้นมาประดับวงการกำปั้นไทยต่อไป รวมทั้งเคยทำธุรกิจเปิดธุรกิจสถานีบริการน้ำมันที่ จ.ชัยภูมิด้วย

 

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 กันยายน ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่องคําสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยระบุว่า ด้วย บริษัท บริหารสินทรัพย์ มหานคร จํากัด ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้จําเลยทั้งสองล้มละลาย ประกอบด้วย นางเสาวนีย์ คำสิงห์ จําเลยที่ 1 และ นายสมรักษ์ คําสิงห์ จําเลยที่ 2

ศาลได้มีคําสั่งลงวันที่ 9 ส.ค.2561 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ จําเลยที่ 1 และเลยที่ 2 เด็ดขาด ตามพ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 แล้ว

สาเหตุหลักที่ทำให้ สมรักษ์ คำสิงห์ และภรรยา นางเสาวนีย์ คำสิงห์ กลายเป็นบุคคลล้มละลายมาจากการประกอบธุรกิจปั๊มน้ำมัน เมื่อปี 2538 ซึ่งเป็นการเปิดธุรกิจให้กับพ่อตาแม่ยายที่ จ.ชัยภูมิ แต่จนแล้วจนรอดธุรกิจประสบปัญหาขาดทุนกว่า 2 ล้านบาท จนลุกลามกลายเป็นหนี้สินกว่า 4 ล้านบาทเลยทีเดียว

เรื่องราวทั้งหมดส่งผลให้ สมรักษ์ ตกจากจุดสูงสุดในชีวิตบนสังเวียน ลงมาสู่จุดตกต่ำสุดในชีวิตนอกสังเวียน และกลายเป็นบุคคลล้มละลาย รวมทั้งเขาอาจจะต้องโดนให้ออกจากการรับราชการทหารเรืออีกด้วย แต่เรื่องยังอยู่ในขั้นตอน และยังมีโอกาสที่ผู้ถูกพิทักษ์ทรัพย์ สามารถขอประนอมหนี้กับฝ่ายเจ้าหนี้ได้

สมรักษ์เปิดใจเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า “มันเป็นเรื่องเก่าๆ ที่ผมไปลงทุนเซ็นเอกสาร เรื่องธุรกิจเปิดปั๊มน้ำมัน ให้กับพ่อตาแม่ยายที่จังหวัดชัยภูมิ เมื่อหลายปีก่อน โดยเราไปลงชื่อเซ็นในเอกสาร พอกิจการมันไปไม่รอด ก็เลยขาดทุนกลายเป็นหนี้สิน สุดท้ายมันก็เลยเป็นหนี้สินลามไปถึงเรื่องบ้านต้องเป็นหนี้ราวๆ สี่ล้านกว่าบาท”

“แต่อยากให้ดูตัวอย่าง พี่ระ เขาทราย แกแลคซี่ ก็เคยประสบปัญหาแบบนี้มาก่อน สามปีเขาก็ตั้งตัวขึ้นใหม่ได้ ทุกวันนี้ ชีวิตเขาก็มีความสุขเริ่มต้นใหม่ได้ ตัวผมเองก็ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ผมยังแฮปปี้ดีทุกวันนี้” สมรักษ์ กล่าว

เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นอุทธาหรณ์สอนใจ ให้นักกีฬาที่มีชื่อเสียงโด่งดัง รวมทั้งบุคคลทั่วไปที่ควรจะต้องดำเนินชีวิตไปอย่างมีสติ เพราะแม้แต่ระดับนักกีฬาฮีโร่โอลิมปิกเกมส์ยังร่วงหล่นคืนสู่สามัญได้แบบไม่น่าเชื่อ

แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับ “บาส” สมรักษ์ คำสิงห์ นักชกผู้ที่เคยสร้างความสุข และสร้างรอยยิ้มให้กับคนไทยทั้งประเทศ

และหวังว่าความสุข และรอยยิ้มจะกลับคืนมาครอบครัวของเขาอีกครั้ง…

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image