ยูเลน โลเปเตกี ถูก รีล มาดริด ปลดออกจากตำแหน่งกุนซือไปแบบน่าอาย หลังจากโดน บาร์เซโลน่า ถล่ม 5-1 ในเกมเอล กลาซิโก้ ครั้งแรกในชีวิตการคุมทีมของตัวเอง
โลเปเตกีสร้างความฮือฮาตั้งแต่ช่วงฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย เมื่อทีมราชันชุดขาวประกาศว่าโลเปเตกีในวันที่ยังเป็นกุนซือทีมชาติสเปนรับงานเป็นเฮดโค้ชคนใหม่แทนที่ ซีเนอดีน ซีดาน ที่ประกาศลาออกไปก่อนหน้านั้น ก่อนที่เขาจะถูกปลดออกจากตำแหน่งเฮดโค้ชทีมกระทิงดุแบบฟ้าผ่าหลังจากนั้นเพียงข้ามคืน เพราะไม่ให้เกียรติสหพันธ์ฟุตบอลสเปน
ผลงานของโลเปเตกีกับทีมชาติสเปนถือว่าสวยหรู คุมทีม 20 นัด ชนะได้ถึง 14 เสมอ 6 และไม่แพ้ใครเลย ซึ่งเป็นที่สะดุดตา ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรรีล มาดริดอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ผลงานกับรีล มาดริด ไม่ได้งดงามอย่างที่ทำได้กับสเปน พาทีมราชันชุดขาวแพ้ 8 จาก 14 เกมที่คุมทีม แบบไม่เหลือลายของโค้ชมากความสามารถแต่อย่างใด ท้ายที่สุดเมื่อโดนบาร์ซ่ายำ 5-1 ฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดลง
รีล มาดริดต้องตามหากุนซือคนใหม่ อันโตนิโอ คอนเต้ เป็นตัวเต็งที่จะมารับงาน เพราะยังว่างงานหลังถูก เชลซี ตะเพิดออกมา แต่สุดท้ายกลายเป็น ซานเตียโก้ โซลารี่ ลูกหม้อของทีมที่เคยเป็นอดีตนักเตะในยุคกาลาติกอส ทีมเดียวกับซีดาน ทำงานเป็นโค้ชในทีมมาแล้วหลายระดับ ทั้งชุดเยาวชน ทีมบี เหมือนที่ซีดานเคยผ่านมาก่อน
จนมีคำถามว่า โซลารี่จะเดินตามรอยซีดาน พารีล มาดริดกลับสู่ความยิ่งใหญ่ได้หรือไม่?
ซึ่งคำตอบก็คือ “ไม่”
โซลารี่อาจจะเดินตามเส้นทางที่ซีดานเดินมาก่อนในถิ่นซานเตียโก้ เบาร์นาเบว แต่ในวันที่ซีดานก้าวขึ้นสู่การทำงานในทีมชุดใหญ่ เขามีหน้าที่เป็นผู้ช่วยของคาร์โล อันเชล็อตติ มาก่อน ในฤดูกาล 2013-2014 และหลังจากที่อันเช่ถูกปลดซีดานก็รับงานกุนซือใหญ่เต็มตัว แต่โซลารี่ไม่มีประสบการณ์ ณ จุดนี้
เรื่องต่อมา ซีดานเป็นนักเตะระดับตำนานที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทุกอย่าง ได้รับการยอมรับจากนักเตะทั่วโลก คริสเตียโน่ โรนัลโด้, แกเร็ธ เบล, คาริม เบนเซม่า ต่างให้ความยำเกรงในความยิ่งยวดของเขา หรือเรียกง่ายๆ ว่า ซีดานเอาอยู่ แต่ในรายของโซลารี่แล้ว ไม่ได้เป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากนัก นั่งสำรองมากกว่าลงเล่นตัวจริง ถูกจดจำในฐานะนักเตะคนหนึ่งเท่านั้น
สิ่งที่น่าห่วงกว่านั้น กุนซือคนใหม่รายนี้มีพื้นเพมาจากเมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนตินา บ้านเดียวกับ ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมบาร์ซ่า ทำให้โซลารี่เอ่ยปากชมเมสซี่อยู่บ่อยๆ ทั้งๆ ที่รู้ดีอยู่แล้วว่า เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับแข้งราชันชุดขาว แถมยังเคยค้าแข้งกับแอตเลติโก้ มาดริด ทีมคู่แค้นกรุงมาดริดอีกด้วย
สิ่งเหล่านี้น่าจะทำให้นักเตะในทีมที่เขาจะไปคุม ไม่ค่อยยำเกรงเขานัก
คำถามต่อมา โซลารี่จะทำหน้าที่นี้ถาวรหรือไม่?
รีล มาดริดแถลงการณ์ในการตั้งโซลารี่มาคุมทีมว่า เป็น “รักษาการหัวหน้าโค้ช” ซึ่งตามกฎของลาลีก้าแล้ว สโมสรนั้นๆ จะต้องเปิดตัวกุนซือถาวรคนใหม่ ภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์ หมายถึงว่าโซลารี่มีเวลาคุมทีมเพียงครึ่งเดือน เป็น 4 แมตช์ที่เขาจะต้องทำผลงานให้เข้าตาที่สุด เพราะโอกาสแบบนี้คงไม่ได้มีมาบ่อยๆ
แต่ 4 เกมที่ว่านี้ นับเป็นเกมที่ง่ายมากถ้าดูตามมาตรฐานของรีล มาดริด ศึกโกปา เดลเรย์ พบ เมลิญ่า ทีมจากดิวิชั่น 3, เกมลีกกับ รีล บายาโดลิด และ เซลต้า บีโก้ ปิดท้ายด้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ออกไปเยือนวิกตอเรีย เพิลเซ่น
จริงๆ แล้วเป้าหมายที่เปเรซอยากให้โซลารี่ทำ คือ รวบรวมขวัญกำลังใจของนักเตะในทีมที่แตกกระเจิงจากความผิดพลาดของโลเปเตกีกลับมา ก่อนที่กุนซือคนใหม่จะมารับงานต่อ
แคนดิเดทกุนซือคนต่อไปมีใครบ้าง?
คอนเต้เป็นเป้าหมายเบอร์หนึ่ง แต่เงื่อนไขของคอนเต้ คือ สัญญาที่ได้รับต้องเป็นสัญญาระยะยาว และต้องมีงบประมาณให้ซื้อกองหน้ากับกองหลังคนใหม่ได้ทันทีหลังจากมารับงานแล้ว ซึ่งเปเรซไม่ปลื้มกับความต้องการนี้นัก
ตัวเต็งรองลงมา ฮอร์เก้ บัลดาโน่ อดีตผู้อำนวยการกีฬาของสโมสรและอดีตนักเตะรีล มาดริด มีความเป็นไปได้ที่จะมารับงานนี้ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ เฮดโค้ชทีมชาติเบลเยียมก็เป็นตัวเลือกที่น่าจับตามอง เพราะเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าเอานักเตะซุป’ตาร์ของเบลเยียมที่แทบจะล้นทีมได้อยู่หมัด
อีกคนที่มีข่าวมาอยู่ตลอดในช่วงหลัง คือ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่กำลังง่อนแง่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะได้กลับมาคุมทีมเป็นรอบที่สอง
การเปลี่ยนแปลงของรีล มาดริด ที่ไม่มีทั้งโรนัลโด้และซีดาน แสดงให้เห็นชัดเจนว่า พวกเขาพึ่งพาบุคคลสองคนนี้ในการควานหาความสำเร็จมาโดยตลอด เมื่อขาดหายไป ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม
ไม่มีใครกล้าการันตีว่า โซลารี่จะคุมทีมได้ดี นักเตะที่มีอยู่จะทุ่มเทเต็มที่ หรือคอนเต้จะมาคุมทีมหรือไม่ แต่เดาไม่ยากว่าน่าจะเป็นฤดูกาลนี้คงเป็นขาลงที่ขึ้นยากของรีล มาดริดอย่างแน่นอน
