สกู๊ปพิเศษ : ย้อนรอยเรียกน้ำย่อย ภารกิจชิงเจ้าลูกหนังอาเซียน ‘เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ’

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน หรือ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ” รายการที่ชาวอาเซียนต่างเฝ้ารอคอยทุกๆ 2 ปี จะหวนคืนกลับมาอีกครั้งในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ในปี 2018

กำหนดระหว่างวันที่ 8 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม พ.ศ.2561 ทางเอเอฟเอฟ ได้ปรับกฎใหม่ จากเดิม จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม แต่ละกลุ่มแข่งในประเทศที่รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ แต่มาในปีนี้ ทางเอเอฟเอฟ ได้ปรับเปลี่ยนเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 5 ทีม โดยแบ่งเป็น 5 โถ ตามค่าสัมประสิทธิ์ เพื่อให้ทีมมีความสูสีกันอย่างสมดุลทั้งสองกลุ่ม

การจับสลากแบ่งสาย “ช้างศึก” ทีมชาติไทย จับสลากมาอยู่ในกลุ่ม บี ซึ่งต้องมาเจอกับคู่ปรับเก่าและเป็นรองแชมป์ครั้งที่แล้วอย่าง อินโดนีเซีย และ ทีมอันดับ 2 ในฟีฟ่าแรงกิ้งของโซนอาเซียน, ฟิลิปปินส์ รวมไปถึงแชมป์ 4 สมัยของรายการอย่าง สิงคโปร์ ส่วนอีกหนึ่งทีมเป็น ติมอร์ เลสเต

ส่วนกลุ่ม เอ ประกอบด้วย เวียดนาม, มาเลเซีย, พม่า, ลาว และกัมพูชา โดยปี 2018 ทางเอเอฟเอฟ ยังเปลี่ยนกฏไม่ให้มีเจ้าภาพประเทศเดียวอีกแล้ว แต่ทุกประเทศจะได้เป็นเจ้าภาพในบ้านตัวเอง 2 นัด และต้องเล่นเป็นทีมเยือน 2 นัด โดยใช้วิธีการ “สุ่ม” ให้ว่าแต่ละชาติจะเจอกับใคร ซึ่งรอบแรกจะเอา 2 ทีม ที่มีคะแนนในกลุ่มดีที่สุด ผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศต่อไป

Advertisement

โปรแกรมของทีมชาติไทย ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2018 มีดังนี้ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 ติมอร์ เลสเต พบ ไทย / วันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 ไทย พบ อินโดนีเซีย / วันที่ 21 พฤศจิกายน 2561 ฟิลิปปินส์ พบ ไท / วันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 ไทย พบ สิงคโปร์

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน หรือเรียกย่อกันว่า “อาเซียนคัพ” เป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศในเขตอาเซียน จัดขึ้นทุกๆ 2 ปี จัดโดย สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ จัดการแข่งขันครั้งแรกในปี พ.ศ.2539 (ค.ศ.1996) ภายใต้ชื่อ “ไทเกอร์คัพ” เนื่องจากมีผู้สนับสนุนหลักคือเบียร์ไทเกอร์ จากสิงคโปร์

หลังจากเบียร์ไทเกอร์ได้ยกเลิกการสนับสนุน จึงเปลี่ยนชื่อจากไทเกอร์คัพเป็นอาเซียนฟุตบอลแชมเปียนชิพ แต่เปลี่ยนชื่อได้แค่ปีเดียวก็มี “ซูซูกิ” เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนใหม่ จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ” ตั้งแต่ปี 2006 สืบมาจนถึงปัจจุบัน

Advertisement

“ช้างศึก” ไทยเป็นแชมป์มาแล้ว 5 สมัย ปี 1996 , ปี 2000 , ปี 2002 , ปี 2014 และปี 2016 รวมถึงเป็นรองแชมป์ 3 สมัย ปี 2007 , ปี 2008 และปี 2012 / รองลงมาเป็น สิงคโปร์ เป็นแชมป์ 4 สมัย ปี 1998 , ปี 2004, ปี 2007 และปี 2012

ทำเนียบดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล 1.นอห์ อลัม ชาห์ (สิงคโปร์) 17 ประตู 2.ธีรศิลป์ แดงดา 15 ประตู เท่ากับ เล คอง วินห์ (เวียดนาม), วรวุฒิ ศรีมะฆะ 3.เล ฮุนห์ ดุค (เวียดนาม) 14 ประตู 4. คูร์เนียวาน ดวี ยูเลียนโต (อินโดนีเซีย) 13 ประตู 5.บัมบัง ปามุงกาส (อินโดนีเซีย) 12 ประตู เท่ากับ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีนักเตะไทย 3 รายที่เคยครองผู้เล่นทรงคุณค่าประจำทัวร์นาเมนต์ คือ ปี 2000 “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง / ปี 2002 เทิดศักดิ์ ใจมั่น / ปี 2014 และปี 2016 “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ คว้ารางวัลนี้ไปครอง 2 สมัยซ้อน

นี่เป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนที่ภารกิจป้องกันแชมป์บอล “ซูซูกิ คัพ” ของขุนพลนักเตะ “ช้างศึก” ภายใต้การนำของ มิโลวาน ราเยวัช จะเริ่มขึ้น….


ทำเนียบแชมป์ลูกหนังอาเซียน (ตั้งแต่ปี 1996-2016)

1996 ไทย ส่วนมาเลเซีย ได้รองแชมป์
1998 สิงคโปร์ ส่วนเวียดนาม ได้รองแชมป์
2000 ไทย ส่วน อินโดนีเซีย ได้รองแชมป์
2002 ไทย ส่วนอินโดนีเซีย ได้รองแชมป์
2004 สิงคโปร์ ส่วน อินโดนีเซีย ได้รองแชมป์
2006/2007 สิงคโปร์ ส่วนไทย ได้รองแชมป์
2008 เวียดนาม ส่วน ไทย ได้รองแชมป์
2010 มาเลเซีย ส่วน อินโดนีเซีย ได้รองแชมป์
2012 สิงคโปร์ ส่วนไทย ได้รองแชมป์
2014 ไทย ส่วนมาเลเซีย ได้รองแชมป์
2016 ไทย ส่วนอินโดนีเซีย ได้รองแชมป์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image