‘ส.นายขนมต้ม’ ค้านแก้ร่างห้ามเด็ก12ปีชกมวยไทย ชงยึดร่างกฏหมายเดิม แต่เข้มงวดบังคับใช้

‘ขาวผ่อง-เจริญทอง’ แกนนำสมาคมนายขนมต้มแถลงจุดยืนคัดค้านแก้ร่าง พ.ร.บ.มวย ห้ามเด็ก12 ปีขึ้นชก เสนอยกทิ้งร่างใหม่ ยึดใช้ร่างเก่า แต่เข้มงวดในการบังคับใช้ ยันเด็ก13ปีขึ้นชกตายคาเวทีเป็นอุบัติเหตุ ชงตั้งสมาคมผู้ตัดสินมวยไทยแก้ไขปัญหาการตัดสิน

จากกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีการร่างแก้ไขพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดยห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ทำการชกมวยไทย และจำกัดสิทธิเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ในการชกมวยไทย ถ้ามีอายุมากกว่า 12 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี ต้องใส่เครื่องป้องกันขึ้นชก และต้องขออนุญาตจากนายทะเบียน ทำให้คนวงการมวยมีความเห็นว่าผิดจากแนวทางที่ตรงกับประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน และสภาพแวดล้อมการแข่งขันมวยไทยที่แท้จริง เป็นการจำกัดสิทธิต่อบุคคลในวงการมวยในการพัฒนาร่างกาย ตัดอาชีพ และการหารายได้เด็กเยาวชนไทยกว่า 300,000 คนทั้งประเทศนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน สมาคมกีฬามวยไทยนายขนมต้ม ได้นัดสื่อมวลชนแถลงข่าวจุดยืนคัดค้านการแก้ร่าง พ.ร.บ.กีฬามวย ฉบับใหม่ ที่โรงยิมมวยไทยเจริญทอง เกียรติบ้านช่อง ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา นำโดย “ขาวผ่อง สิทธิชูชัย” นายทวี อัมพรมหา เลขาธิการสมาคมฯ, “เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง” นายเจริญทอง ชูมณี อุปนายกสมาคมฯ, และกรรมการสมาคมฯ ประกอบด้วย “ตะคร้อเล็ก เดชรัตน์” นายไพรวัลย์ หลวงพล, “มรกตดำ รัตนโชติ” นายดาม ศรีจันทร์, “พายัพน้อย ส.ธนิกุล” นายพีระ พริ้งกลาง และ “ทองแดง ส.ลักขณา” นายวรากร จรัสฤทัยกุล ร่วมแถลงข่าวด้วย

นายทวี กล่าวว่า จุดยืนของสมาคมก็คือการคัดค้านการร่างแก้ไข พ.ร.บ.มวย ฉบับใหม่ โดยเรื่องนี้ถือว่ายังไม่ได้ผ่านการประชาพิจารย์ และไม่มีการเชิญคนในวงการมวยไปเข้าร่วมร่างกฎหมายด้วยเลย ซึ่งถ้าตัวเองมีโอกาสได้เข้าร่วมร่างก็อยากจะเสนอให้มีการยกทิ้งทั้งร่างใหม่ และใช้ร่างเดิมปี 2542 เหมือนเดิมแล้วนำมาเข้มในการปฏิบัติ สำหรับกรณีเด็ก 12 ปีนั้น ตามเวทีมวยมาตรฐานห้ามขึ้นชกไปโดยปริยายอยู่แล้ว ส่วนเด็ก 15 ปีต่อย 2 นาที พัก 2 นาที เด็ก 12 ปีที่ขึ้นชกก็อาจจะเกิดขึ้นตามเวทีภูธรต่างจังหวัด

Advertisement

นายทวี กล่าวอีกว่า สำหรับผลการวิจัยของแพทย์ที่ระบุว่าเด็ก 12-15 ปีที่ชกมวยนั้นจะมีผลต่อสมองนั้น ทางการแพทย์วิจัยอะไรมาเราก็ต้องเชื่อ แต่ถามว่าพวกเด็กที่ขาดแคลนเลือกเล่นกีฬาได้ไหม มีมวยไทยเท่านั้นที่ตัวเอง และยอดมวยคนอื่นๆ ในอดีตใส่กางเกงมวยไทยตัวเดียวแล้วลงไปซ้อมได้

“อย่างฟุตบอลก็ต้องมีชุด มีรองเท้าสตั๊ด กอล์ฟก็ต้องมีไม้ มวยไทยผมใส่แค่กางเกงตัวเองก็ซ้อมได้แล้ว คุณลองไปวิจัยฟุตบอล, กอล์ฟ, เทควันโด, ยกน้ำหนักหรือกีฬาอื่นดูบ้างไหมว่ามีผลกระทบต่อเด็กที่เล่นอย่างไรบ้าง ถ้าคุณจะเอาจุดนี้มาเล่นงานมวยไทยผมคิดว่ามันไม่ถูก” นายทวีกล่าว

Advertisement

ขาวผ่องกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่สมาคมกีฬามวยไทยฯ ได้มีการแถลงข่าวคัดค้าน เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมาก็ได้มีการเชิญหว่านๆ เข้ามาแล้ว แต่ตามเดิมตอนแรกเขานัดวันที่ 5 พฤศจิกายน แต่เลื่อนเป็นวันที่ 12 พฤศจิกายน ซึ่งตัวเอง และคนอื่นติดธุระจึงไม่ได้ไปเข้าร่วม แม้ว่าตั้งแต่ต้นคนวงการมวยจะไม่ได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่ตอนนี้คิดว่าดีขึ้นนะครับที่นักมวยสามารถข้ามศึกกันได้แล้ว

ส่วนกรณีล่าสุดนักมวยไทยเด็ก 13 ปีขึ้นชกแล้วเสียชีวิตที่ จ.สมุทรปราการ นั้น นายทวี กล่าวว่า กรณีนี้เป็นอุบัติเหตุ ซึ่งตอนโดนหมัดนั้นแล้วฟุบลงไปหัวฟาดพื้น และกรรมการเข้าไปเซฟรับศีรษะไม่ทัน เราจะไปโทษกรรมการ หรือนักมวยก็ไม่ได้ เพราะเป็นอุบัติเหตุ

“จังหวะนั้นที่เด็กหัวฟาดพื้น ไม่ต้องแค่เด็ก 13 ปีหรอกครับ ผมอายุ 60 ปีหัวฟาดพื้นอย่างนั้นก็ตายครับ ส่วนแนวทางการป้องกันนั้น อาจจะสวมเฮดการ์ป้องกัน และที่สำคัญคนวงการมวยต้องถอยออกมาตั้งหลักก่อน ตัดออกไปเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวออกไปบ้าง และต่อไปนี้เราจะต้องจัดแข่งขันตามที่ขออนุญาตไป ทั้งเรื่องนำ้หนักมวยต้องเท่ากันจริงๆ เพราะการแบกน้ำหนักชกเป็นช่องทางอุบัติเหตุ” ขาวผ่อง กล่าว

อดีตกำปั้นฮีโร่โอลิมปิกเกมส์กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากเสนอให้มีสมาคมผู้ตัดสินมวยไทย ซึ่งตอนนี้กีฬาชนิดอื่นก็เริ่มมีกันแล้ว โดยกรรมการมวยไทยจะต้องมาขึ้นอยู่กับสมาคมนี้หมดจะช่วยให้การทำงาน และวิธีการให้คะแนนไปในทิศทางเดียวกัน แต่ปัจจุบันที่รวมกันไม่ได้ เพราะแต่ละเวทีมวยก็มีกรรมการของตัวเอง ซึ่งไปคนละทิศคนละทาง

ขณะที่ นายเจริญทอง กล่าวเสริมว่า การแข่งขันแต่ละสนามแต่ละแมตช์จะต้องมีครบทุกอย่าง ทั้งทีมแพทย์ พยาบาล และรถตู้ฉุกเฉิน รวมทั้งกรรมการบนเวทีแต่ละสนามก็ไม่รู้ว่าผ่านหลักสูตรของการกีฬาแห่งประเทศไทยหรือไม่

นายดาม กล่าวว่า การเตรียมการเรื่องการแข่งขัน และระบบความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ รวมทั้งเรื่องเวที ความหนาของเวทีที่จะช่วยเซฟนักมวยเวลาล้มลงไป ถ้าเรามีการป้องกันดีก็ไม่น่าจะเกิดอุบัติเหตุ

นายไพรวัลย์ กล่าวว่า ความจริงมี พ.ร.บ.มวย อยู่แล้ว แต่อยากให้ดูเรื่องการควบคุมกฏหมายให้เพิ่มขึ้น อย่างเด็กจะขึ้นชกได้ 3 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง กฎหมายมวยเดิมที่มีอยู่ครอบคลุมอยู่แล้ว แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปควบคุมอย่างจริงจัง อย่างเช่น การตรวจสอบนักมวยที่ชกในแต่ละเวที ส่วนกฎหมายใหม่ก็ยังไม่ได้มีการทำประชาพิจารย์ และยังไม่ถามความเห็นของคนวงการมวยว่าได้รับผลกระทบไหม ให้ผู้ใช้กฎหมายได้ออกความเห็นบ้าง ไม่ใช่คนออกกฏหมายไม่ได้ใช้ แต่คนใช้ไม่ได้ออก ทำให้ไปคนละทิศทาง

“เด็กที่เสียชีวิตนั้นต่อยเยอะมากถึงกว่า 170 ครั้งในเวลา 5 ปีตั้งแต่ชกมวย อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้กับทุกชนิดกีฬา ส่วนนักมวยนั่นตามสถิติจะมีเกิดขึ้นน้อยคนในเวลา 5 ปี หรือ 10 ปี ซึ่งตาม พ.ร.บ.มวย ระบุว่า 21 วันจะต้องได้ 1 ครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเด็กทำตามกฎหมายหรือเปล่า ดังนั้นเราจะต้องบังคับใช้กฎหมายเดิมที่มีอยู่ให้จริงจังดีกว่า ใช้วิธีการควบคุมกฎหมายให้ดีขึ้นดีกว่าที่จะไปห้ามไม่ให้ชกเลย ทั้งนี้จะเอาเรื่องนักมวยเด็กเสียชีวิตมาเกี่ยวข้องกับเรื่องแก้ พ.ร.บ.มวย คิดว่าคงจะไม่เห็นด้วยกับคนวงการมวยทั้งหมด คนภายนอกอาจจะดูโหดร้าย แต่พวกเราสายเลือดเกิดจากมวยถูกสร้างมาเพื่อชกมวย” นายไพรวัลย์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image