‘ประวิตร’สั่งเข้มคัดตัวทัพไทยลุยซีเกมส์ – กกท.เก็บตัวฟิตยาว8เดือนลั่นเจ้ากีฬาสากล

“บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เป็นในการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกชนิดกีฬา นักกีฬา และเจ้าหน้าที่ประจำทีม เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ณ ประเทศฟิลิปปินส์ ครั้งที่ 1/2562 โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และตัวแทน 52 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่เข้าร่วมการแข่งขัน เข้าร่วมประชุมด้วย ที่ห้องประชุมชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ กกท. หัวหมาก เมื่อวันที่ 22 มีนาคม

พล.ต.จารึก แจ้งที่ประชุมว่า กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 จะจัดการแข่งขันที่ฟิลิปปินส์ ช่วงวันที่ 30 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม ซึ่งล่าสุดเพิ่งได้คุยกับตัวแทนฟิลิปปินส์ และสรุปว่าจะจัดชิงชัย 56 ชนิดกีฬา 524 อีเวนต์ ใน 3 เมือง คือ กรุงมะนิลา 22 กีฬา, เมืองคลาร์ก 17 กีฬา และเมืองซูบิค 14 กีฬา โดยทัพนักกีฬาไทยจะส่งชิงชัยทั้งสิ้น 53 กีฬาจาก 52 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งจะไม่ส่งชิงชัย 3 กีฬา คือ อาร์นิส (ศิลปะป้องกันตัวประจำชาติฟิลิปปินส์), ฮอกกี้ใต้น้ำ และออบสตาเคิล (กีฬาวิ่งผ่านอุปสรรค) เพราะไม่มีสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย และเป็นเสียเงินโดยใช่เหตุ

นอกจากนี้ ยังได้แต่งตั้ง นายธนา ไชยประสิทธิ์ เป็นหัวหน้าคณะนักกีฬาทีมชาติไทย รวมทั้ง รศ.ดร.สุพิตร สมาหิโต และนายทินกร นำบุญจิตต์ เป็นรองหัวหน้าคณะนักกีฬากระจายกันไปดูแลนักกีฬาไทยใน 3 เมือง โดยนายธนาจะเดินทางไปประชุมหัวหน้าคณะนักกีฬาที่ฟิลิปปินส์ครั้งสุดท้ายในวันที่ 30 ตุลาคม เพื่อรับทราบรายละเอียดทั้งหมด

ที่ประชุมแจ้งกำหนดการส่งเอกสารแบบฟอร์มไปยังเจ้าภาพ การลงทะเบียน Accreditation และ Entry Form by Name ภายในวันที่ 2 กันยายน รวมทั้งการตรวจสอบคุณสมบัติของนักกีฬากรณีโอนสัญชาติ โดยขอให้เป็นไปตามกฎข้อบังคับของการแข่งขัน, โอลิมปิค ชาร์เตอร์ และตามกฎข้อบังคับของสหพันธ์

Advertisement

ดร.ก้องศักด กล่าวว่า กกท.ได้วางแผนร่วมกับคณะกรรมโอลิมปิคฯ และสมาคมกีฬา ในการเตรียมความพร้อมของนักกีฬายาว 8 เดือน ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน บางสมาคมกีฬาก็ได้เก็บตัวล่วงหน้าแล้ว ทั้งกรีฑา และว่ายน้ำ ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการเข้ามาดูแล ติดตาม ช่วยเหลือ และสนับสนุนทุกสมาคมกีฬาในการเตรียมนักกีฬาอย่างใกล้ชิด และแบ่งทีมเจ้าหน้าลงไปดูแลนักกีฬาแต่ละกลุ่ม เพื่อให้การเตรียมการเป็นไปอย่างราบรื่น

นายณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการ กกท.ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา กล่าวว่า กกท.ได้เชิญให้ทั้ง 52 สมาคมกีฬาส่งแผนการเตรียมนักกีฬา และแผนงบประมาณเข้ามาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งขอเวลาอีก 2 สัปดาห์ในการพิจารณาตัวเลขที่มีความเหมาะสม เพื่อยื่นต่อกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติต่อไป นอกจากนี้ ในช่วงเดือนเมษายนจะมีการจัดปฐมนิเทศให้กับนักกีฬาด้วย

มีชัย อินวู๊ด ผอ.สำนักงานควบคุมการใช้ สารต้องห้ามทางการกีฬา กกท.กล่าวว่า ได้มีการคุยกับองค์การต่อต้านสารกระตุ้นโลก (วาด้า) ในการตรวจสารต้องห้ามในนักกีฬา ซึ่งครั้งนี้จะเปลี่ยนวิธีการตรวจแบบใหม่ให้เป็นตามหลักสากล นอกจากนี้ จะมีการอบรมให้ความรู้อย่างละเอียด และมีแบบทดสอบโดยเฉพาะกับสมาคมกีฬา และเฉพาะบุคคล เพื่อป้องกันเรื่องการตรวตสารต้องห้ามพบในนักกีฬาที่ถือว่าให้ความสำคัญมากในวงการกีฬาโลกตอนนี้

Advertisement

พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา คณะกรรมการบริหารคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ในฐานะตัวแทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ กล่าวว่า ทาง พล.อ.ประวิตร ได้ฝากมาให้แต่ละสมาคมกีฬาคัดเลือกตัวนักกีฬาที่เก่งมีความสามารถไปแข่งขัน เพราะที่ผ่านมามักจะยึดนักกีฬาหน้าเก่าที่มีความคุ้นเคย และจะมีคณะกรรมการลงไปติดตามดูแลใกล้ชิด ทั้งนี้ก็เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการแข่งขัน รวมทั้งท่านอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันดำเนินการพัฒนาวงการกีฬาไทยร่วมกันด้วย

นายธนา กล่าวว่า หลังจากที่ได้เดินทางไปประชุมหัวหน้าคณะนักกีฬา เมื่อวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2561 ก็ได้รับทราบรายละเอียดเบื้องต้น และจะไปประชุมอีกครั้งวันที่ 30 ตุลาคมนี้ ส่วนยอดลงทะเบียนจำนวนของคณะนักกีฬาไทยนั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 1,048 คน แบ่งเป็น นักกีฬาชาย 605 คน และนักกีฬาหญิง 443 คน

ภายหลังการประชุม พล.ต.จารึก กล่าวว่า ซีเกมส์ครั้งนี้เจ้าภาพฟิลิปปินส์บรรจุกีฬาพื้นบ้านเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ไทยในฐานะที่เป็นประเทศที่ริเร่มจัดกีฬาซีเกมส์ก็จะพยายามทำผลงานให้เต็มที่ ส่วนกรณีของกีฬายกน้ำหนักนั้น ยังไม่ชัดเจนว่าจะส่งนักกีฬาเข้าร่วมชิงชัยหรือไม่ ซึ่งจะต้องคุยกับสมาคมกีฬายกน้ำหนัก และสหพันธ์ถึงความชัดเจนอีกครั้ง แต่หากยกน้ำหนักไม่ส่งชิงชัยจะส่งผลกระทบต่อโอกาสในการคว้าเหรียญที่น้อยลงไปอย่างแน่นอน

ขณะที่ ดร.ก้องศักด กล่าวว่า ในกีฬาซีเกมส์ทุกครั้งนั้น ไทยคาดหวังเจ้าเหรียญทองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ครั้งนี้เจ้าภาพฟิลิปปินส์บรรจุกีฬาพื้นบ้านเยอะ ทำให้ความหวังเจ้าทองของไทยค่อนข้างยาก แต่อย่างไรก็ตาม จะเน้นความเป็นเลิศในกีฬาสากลเป็นหลัก และแม้ว่าจะไม่ใช้กีฬาระดับเอเชี่ยนเกมส์ หรือโอลิมปิกเกมส์ แต่อยากให้นักกีฬาทุกคนทำผลงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความสุขให้กับประชาชนชาวไทย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image