การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 35 ของฤดูกาล เมื่อเช้ามืดวันที่ 25 เมษายน เป็นเกมเตะศึก “แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้” ระหว่าง “ปีศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดรังโอลด์แทรฟฟอร์ด พบกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้
ก่อนเตะเกมนี้ แมนฯ ยู อยู่อันดับ 6 มี 64 แต้ม ส่วนแมนฯ ซิตี้ อยู่อันดับ 2 มี 86 แต้ม ส่วนอันดับ 1 ของตารางเป็นทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ลงเตะไป 35 แต้ม มี 88 คะแนน แมนฯ ยู ต้องการ 3 แต้มเพื่อไล่ล่าพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้า เพราะหากจบอันดับ 5-6 ได้ไปเตะแค่ถ้วยรองอย่าง “ยูโรป้า ลีก” ขณะเดียวกัน “เรือใบสีฟ้า” ต้องการทวงตำแหน่งจ่าฝูง พร้อมกับไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ก่อนเตะนำเป็นจ่าฝูงของตาราง มีอยู่ 88 แต้มจาก 35 นัด
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือปีศาจแดงที่พาทีมทำผลงานดำดิ่งนับตั้งแต่จรดปากกาเซ็นคุมทีมถาวร จัดทีม 11 คนแรก ประกอบด้วย ดาบิด เด เกอา, แอชลี่ย์ ยัง, คริส สมอลลิ่ง, วิกเตอร์ ลินเดอเลิฟ, ลุค ชอว์, มัตเตโอ ดาเมี่ยน, อันเดรียส แปร์ไรร่า, เฟร็ด, ปอล ป๊อกบา, เจสซี่ ลินการ์ด, มาร์คัส แรชฟอร์ด
ส่วนกุนซือผู้คลั่งไคล้เกมบุกแหลกเดินหน้าฆ่ามันอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ของแมนฯ ซิตี้ จัดทีม 11 คนแรก ประกอบด้วย เอแดร์ซอน, แวงซองต์ กอมปานี, ไคล์ วอล์คเกอร์, อายเมริก ลาปอร์ต, ซินเชนโก้ , แฟร์นานดินโญ่, ดาบิด ซิลบา, อิลคาย กุนโดกัน, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เซร์กิโอ้ อากูเอโร่, แบร์นาโด้ ซิลวา
ครึ่งแรก แมนฯ ยู ที่นัดก่อนแสดงให้เห็นถึงความใจมดบุกไปโดนเอฟเวอร์ตัน ถล่มเละ 4-0 กลับมาฮึดสู้ยิบตา วิ่งไล่บอลกันขยันขันแข็งต่างจากนัดก่อน ทำให้จังหวะบอลที่เคยไหลลื่นของแมนฯ ซิตี้ ทำได้ไม่ถนัดนัก และยังเสมอกันอยู่ในครึ่งแรก 0-0
ครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ ยังเหนือกว่า นาทีที่ 51 แฟร์นานดินโญ่ บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนเอา เลรอย ซาเน่ ลงมาแทน
นาทีที่ 54 แมนฯ ซิตี้ ได้ประตูออกนำ 1-0 สมใจจากการซัดสุดสวยของ แบร์นาโด้ ซิลวา ผ่านมือเดเคอา ที่เสาแรก
แมนฯ ซิตี้ ยิ่งเล่นยิ่งเหนือชั้นกว่านักเตะค่ายอสูรแดงอย่างชัดเจน และมาบวกเพิ่มอีก 1 ประตูนาทีที่ 66 จากการหลุดไปตะบันหนักๆ ของ เลรอย ซาเน่ ให้แมนฯ ซิตี้ บุกไปนำห่าง 2-0 และรักษาสกอร์นี้จนจบเกมแมนฯ ซิตี้ เดินหน้าสู่แชมป์พรีเมียร์ลีก
ทำให้แมนฯ ยู เตะไปแล้ว 35 นัด มี 64 แต้ม อยู่อันดับ 6 เช่นเดิม ส่วนแมนฯ ซิตี้ เตะ 35 นัด มี 89 แต้ม แซงลิเวอร์พูลขึ้นไปทวงจ่าฝูงคืนกลับมา โดยเตะเท่ากัน 35 นัด แมนฯ ซิตี้ นำอยู่ 1 คะแนน หาก 3 นัดที่เหลือของแมนฯ ซิตี้ เก็บ 9 แต้มเต็ม จะคว้าแชมป์โดยไม่ต้องสนใจผลแข่งของลิเวอร์พูล ในอีก 3 นัดที่้เหลือเช่นกัน
โปรแกรมที่เหลืออีก 3 นัดของ แมนฯ ซิตี้ บุกเยือน เบิร์นลีย์ วันที่ 28 เมษายน / เปิดบ้านพบ เลสเตอร์ วันที่ 7 พฤษภาคม / บุกเยือน ไบร์ทตัน วันที่ 12 พฤษภาคม
ส่วน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เหลือโปรแกรมอีก 3 นัดเช่นกัน เริ่มจาก เปิดบ้านพบ ฮัดเดอร์ฟิลด์ วันที่ 27 เมษายน / บุกเยือน นิวคาสเซิ่ล วันที่ 5 พฤษภาคม / กลับมาเล่นในบ้าน พบ วูลฟ์แฮมป์ตัน วันที่ 12 พฤษภาคม
ส่วนผลอีกคู่
วูลฟ์แฮมป์ตัน ชนะ อาร์เซน่อล 3-1
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย