การแข่งขันพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันที่ 12 พฤษภาคม เป็นเกมเตะนัดสุดท้ายของฤดูกาล
ไฮไลต์ที่แฟนบอลไทยรอคอยคือ การแย่งแชมป์กันในนัดสุดท้ายระหว่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เตะไป 37 นัดมี 95 แต้ม กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 2 เตะ 37 นัดมี 94 แต้ม ทั้งคู่คิกออฟพร้อมกัน เช่นเดียวกับอีก 8 คู่ที่เหลือ
ผลต่างลูกได้เสียลูกทีมของเป๊ปก็มีดีกว่าเพียง 4 ลูก เงื่อนไขของแมนฯ ซิตี้ คือ เก็บชัยชนะให้ได้ ก็เพียงพอต่อการคว้าแชมป์ลีกเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน โดยที่ไม่ต้องสนผลการแข่งขันของหงส์แดงเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งแมนฯ ซิตี้ บุกเยือน “ไบรตัน” ทีมอันดับ 17 ที่รอดตกชั้นแน่นอนแล้ว
ขณะที่ลิเวอร์พูลเจองานยากกว่า เมื่อต้องเปิดบ้านฟาดแข้งกับ “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่การันตีอันดับ 7 ของลีกก่อนลงเตะ
โดยลิเวอร์พูลจะต้องคว้าชัยให้ได้ พร้อมแช่งให้แมนฯ ซิตี้ต้องไม่ชนะ พลพรรค์หงส์แดงจึงจะสยายปีกได้ใช้รถแห่แชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 29 ปี
ทั้งแมนฯ ซิตี้ และลิเวอร์พูล จัดชุดใหญ่ลงสนามครบครัน เพียงแต่ลิเวอร์พูล ขาด เฟร์มิโน่ ที่ยังเจ็บ แต่ส่ง โอริกี้ ลงมาเป็นหน้าเป้า
ครึ่งแรก กลายเป็นคู่ลิเวอร์พูล ออกนำก่อน 1-0 จากการยิงของ ซาดิโอ มาเน่ ทำให้สกอร์เรียลไทม์เวลานั้น ลิเวอร์พูล จะได้ใช้รถแห่ทันที ยิ่งนาทีที่ 27 ไบร์ทตันทำแสบออกนำแมนฯ ซิตี้ ก่อน 1-0 จากการโหม่งของ เกร็น เมอร์เรย์
ทันทีที่เสียประตูแมนฯ ซิตี้ ทวงคืนทันควันในนาทีต่อมาตีเสมอจากการยิงของ เซร์กิโอ้ อากูเอโร่ ต่อมานาทีที่ 38 อายเมริก ลาปอร์ต มาบวกประตูช่วยให้แมนฯ ซิตี้ แซงขึ้นนำ 2-1 จบครึ่งแรกทั้งสองสนาม แมนฯ ซิตี้ บุกไปนำไบร์ทตัน 2-1 ส่วนลิเวอร์พูล ออกนำวูลฟ์แฮมตัน 1-0
เริ่มครึ่งหลังทั้ง 2 สนาม แมนฯ ซิตี้ ครองเกมเหนือกว่าตามสูตร และมาได้ประตูนำห่างไบร์ทตัน 3-1 จากการยิงด้วยเท้าขวาของ ริยาร์ด มาร์เรซ ทำให้แชมป์อยู่แค่เอื้อมเท่านั้น
นาทีที่ 72 แมนฯ ซิตี้ มาตะบันทิ้งห่างไบร์ทตัน 4-1 จากการปั่นฟรีคิกสุดสวยของ อิลคาย กุนโดกาน ขณะที่อีกคู่ลิเวอร์พูล ยังนำวูลฟ์ฯ 1-0
นาทีที่ 80 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูที่ 2 ออกนำ วูล์ฟฯ จากการโหม่งของ ซาดิโอ มาเน่ แต่แทบไม่มีผลต่อการลุ้นแชมป์เพราพคู่แมนฯ ซิตี้ สกอร์ขาดไปเรียบร้อยแล้ว
จบเกมแมนฯ ซิตี้ ชนะ ไบร์ทตัน 4-1 ส่วนลิเวอร์พูล ชนะ วูลฟ์แฮมป์ตัน 2-0
แมนฯ ซิตี้ เตะ 38 นัดมี 98 แต้ม ส่วนลิเวอร์พูล เตะ 38 นัด มี 97 แต้ม ทำให้แมนฯ ซิตี้ ผงาดป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ และยังเป็นทีมแรกในรอบ 10 ปีที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 3 ครั้ง
ส่วนผลคู่อื่น
เบิร์นลีย์ แพ้ อาร์เซน่อล 1-3
แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 0-2
เลสเตอร์ ซิตี้ เสมอ เชลซี 0-0
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ เอฟเวอร์ตัน 2-2
คริสตัล พาเลซ ชนะ บอร์นมัธ 5-3
ฟูแล่ม แพ้ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 0-4
เซาแธมป์ตัน เสมอ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 1-1
วัตฟอร์ด แพ้ เวสต์แฮม 1-4
