นายนภินทร ศรีสรรพางค์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายสุรพล อุทินทุ ผู้อำนวยการสำนักประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), นายวิเชฐ ตันติวานิช ประธานกรรมการ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด และนายวิบูลย์ จำปาเงิน ผู้อำนวยการกองบริหารงานและมาตรฐานกีฬาอาชีพ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ร่วมกันแถลงข่าวกิจกรรม “นำ้แร่ธรรมชาติตราช้าง พาเชียร์นักแข่งไทย ฟอร์มูล่า 1 จีพี สิงคโปร์ 2019 บาย ไทยแอร์ เอเชีย” ที่สโมสรราชพฤกษ์ ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 12 กันยายน
นายนภินทร กล่าวว่า กิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เยาวชนเกิดความตื่นตัวและความสนใจในการเป็นนักแข่งรถยนต์อาชีพ ซึ่งมี อเล็กซ์ อัลบอน อันศุสิงห์ นักแข่งรถยนต์ชื่อดังลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เบอร์ 1 ของไทย และเอเชีย ที่ได้แข่งขันในสนามระดับโลกเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนในการฝึกฝน โดยใช้ตัวนักแข่งไทยเป็นสื่อกลาง เพื่อเป็นการสร้างให้คนไทยรู้จักกับการแข่งขันเอฟวันมากยิ่งขึ้น และพัฒนานักกีฬาต่อไป พร้อมกับวางรากฐานไปสู่อนาคตกับการนำสนามแข่งขันเอฟวันมาจัดขึ้นในประเทศไทย
“รัฐบาลและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะสนับสนุนและส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็น สปอร์ต ฮับ ของการแข่งขันกีฬาชั้นนำของโลกในอนาคต และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเชิงกีฬาในอาเซียนและเอเชีย รวมทั้งยังเป็นโอกาสดีในการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยผ่านนักแข่งไทยไปยังประเทศต่างๆ ที่มีการแข่งขันฟอร์มูล่า 1 ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ที่ถ่ายทอดสดไปยังต่างประเทศ โดยจะเข้าถึงผู้ชมครอบคลุมหลายประเทศทั่วโลก และเป็นการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสร้างรายได้มวลรวมให้กับประเทศแบบยั่งยืนด้วย” นายนภินทร กล่าว
นายสุรพล กล่าวว่า ช้าง ได้สนับสนุน อเล็กซ์ อัลบอน มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มแข่งขันในระดับล่าง เพราะเล็งเห็นว่าเป็นคนไทยที่มีความสามารถจนก้าวขึ้นมาสู่นักแข่งระดับเอฟวันได้ และในการแข่งขันเอฟวันปีแรก อเล็กซ์ อัลบอน ก็สามารถเก็บแต้มได้ทุกสนามจนขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 9 ในตารางคะแนนสะสมหลังจากผ่านไปแล้ว 14 สนาม สำหรับกิจกรรมนี้ช้างได้ร่วมพันธมิตรกับไทยแอร์ เอเชีย พาคนไทยไปเชียร์ อัลบอน ติดขอบสนามในศึกเอฟวัน สนามที่ 15 จีพี สิงคโปร์ 2019 ที่ประเทศสิงคโปร์ วันที่ 22 กันยายนนี้ เพื่อร่วมเชียร์และรอชมความสำเร็จของนักแข่งไทยในสนามแห่งนี้
สำหรับ อเล็กซ์ อัลบอน อันศุสิงห์ นับเป็นนักแข่งไทยคนที่ 2 ต่อจาก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช ที่ลงแข่งฟอร์มูล่า 1 เมื่อปี 2492 ซึ่งอเล็กซ์ถือเป็นนักแข่งรถยนต์อาชีพที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาระดับโลก และเป็นโอกาสให้นักกีฬามอเตอร์สปอร์ตไทยได้แสดงศักยภาพและความสามารถในเวทีการแข่งขันระดับโลก สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ เพื่อยกระดับนักแข่งรถยนต์อาชีพไทยให้ไปสู่ระดับโลกต่อไป