สกู๊ปพิเศษ : กำปั้นไทย ‘วูบ’ ศึกมวยโลก อนาคตโอลิมปิก 2020 มืดมน..!!!

การแข่งขันมวยสากลชายชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 20 ที่เมืองเยคาเทรินเบิร์ก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 8-21 กันยายน 2562 ที่เพิ่งปิดฉากไปนั้น

เป็นที่ยืนยันให้เห็นชัดเจนว่า นักมวยสากลไทยนั้น “ต่ำชั้น” และ “ห่างชั้น” จากนักมวยสากลระดับโลกยุคปัจจุบัน อย่างไร้ข้อแก้ตัว

มวยสากลชายชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 20 ถือเป็นรายการใหญ่ระดับโลกอย่างเป็นทางการ รายการสุดท้ายก่อนถึงการแข่งขันมวยสากลในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 “โตเกียว 2020” รอบคัดเลือกทุกทวีปทั่วโลก ในต้นปีหน้าต่อไป

มวยสากลชายชิงแชมป์โลกปีนี้ มีการแข่งขัน 8 รุ่นน้ำหนักได้แก่ รุ่นฟลายเวต 52 กก., รุ่นเฟเธอร์เวต 57 กก., รุ่นไลต์เวต 63 กก., รุ่นเวลเตอร์เวต 69 กก., รุ่นมิดเดิลเวต 75 กก., รุ่นไลต์เฮฟวี่เวต 81 กก., รุ่นเฮฟวี่เวต 91 กก. และรุ่นซุปเปอร์เฮฟวี่เวต 91 กก.ขึ้นไป

Advertisement

มวยสากลชายชิงแชมป์โลกปีนี้ มีนักมวย 456 คน จาก 78 ชาติทั่วโลกเข้าแข่งขัน โดยทวีปเอเชีย มี 21 ชาติส่งนักมวยรวม 107 คน เข้าแข่งขัน เฉพาะไทยนั้น ส่งเพียง 4 คน และปรากฏผลดังนี้

รุ่นฟลายเวต 52 กก. วุฒิชัย ยุระชัย ตกรอบแรก แพ้คะแนน รามอน มิคานอร์ กุยโรก้า (อาร์เจนตินา) ขาดลอย 0-5

รุ่นเฟเธอร์เวต 57 กก. ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี รอบแรก ชนะคะแนน จิลล์ มันกาดี้ (อินโดนีเซีย) 5-0 / รอบสอง ชนะคะแนน วาซิเล อุสตูรอย (เบลเยียม) 5-0 / รอบสาม แพ้คะแนน ไคราต เยราลิเยฟ (อันดับ 2 คาซัคสถาน) 2-3 ซึ่ง ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี เป็นนักมวยไทยที่มีผลงานดีที่สุดในรายการนี้

Advertisement

รุ่นเวลเตอร์เวต 63 กก. สมชาย วงศ์สุวรรณ รอบแรก ชนะคะแนน มอสเล็ม แม็กซูดี (อิหร่าน) 3-2 / รอบสอง แพ้คะแนน โฮวานเนส บาคคอฟ (อันดับ 3 อาร์เมเนีย) 1-4

รุ่นเวลเตอร์เวต 69 กก. วุฒิชัย มาสุข รอบแรก ชนะคะแนน เยาเฮอนี เดาอาลิฮาแวร์ต (เบลารุส) 4-1 / รอบสอง แพ้คะแนน อับลอสอิคฮัน ซูสซูพอฟ (อันดับ 4 คาซัคสถาน) 0-5

 

สรุปมี 15 ชาติได้เหรียญรางวัล

อันดับ 1 อุซเบกิสถาน 3 ทอง 1 เงิน 1 ทองแดง / อันดับ 2 รัสเซีย 3-0-1 / อันดับ 3 คาซัคสถาน 1-1-4 / อันดับ 4 คิวบา 1-1-1 / อันดับ 5 อังกฤษ 0-1-2 / อันดับ 6 อินเดีย 0-1-1 / อันดับ 7 ร่วม เอกวาดอร์, ฟิลิปปินส์, สหรัฐอเมริกา 0-1-0 เท่ากัน / อันดับ 10 ร่วม อาร์เมเนีย, ออสเตรเลีย, บราซิล, บัลแกเรีย, ฝรั่งเศส, มองโกเลีย 0-0-1 เท่ากัน

จากอันดับเหรียญรางวัลดังกล่าว นอกจาก อุซเบกิสถาน กับ คาซัคสถาน ที่เป็นยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างแท้จริงของทวีปเอเชียแล้ว ยังมีอีก 3 ชาติเอเชียที่มีผลงานเกินความคาดหมายได้แก่ อินเดีย ที่มีผลงานเหรียญเงินจาก อามิต พานกัล รุ่นฟลายเวต 52 กก. และเหรียญทองแดงจาก มานีช เคาชิค รุ่นไลต์เวต 63 กก. ฟิลิปปินส์ จากผลงานเหรียญเงินของ ยูร์มี มาร์เชียล รุ่นมิดเดิลเวต 75 กก. และมองโกเลีย จากผลงานเหรียญทองแดงของ เซนด์บาตาร์ เออร์เดเนบัต รุ่นแบนตัมเวต 57 กก.

นักมวยทั้ง 4 คนจาก 3 ชาติเอเชียดังกล่าวไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าของวงการมวยสากลไทย โดยเฉพาะนักมวยไทยเลยแต่อย่างใด เพราะล้วนแต่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี จากการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย, ชิงแชมป์เอเชี่ยนเกมส์ และรายการนานาชาติของทวีปเอเชียอื่นๆ รวมทั้ง ไทยแลนด์ โอเพ่น ด้วยเช่นกัน

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ทำไมนักมวยจากชาติเอเชียเหล่านี้ จึงมีผลงานดีกว่านักมวยไทยอย่างชัดเจนได้เช่นนี้
นอกจากนี้ยังมีคำถามที่ขบคิดมากว่า

 

 

 

ทำไมนักมวยไทยจึงเริ่มห่างชั้น และล้าหลังมากกว่านักมวยจากชาติอื่นๆ ทั่งโลก อย่างน่าใจหาย และทำอย่างไรนักมวยไทยจึงจะมีผลงานดีขึ้นเทียบเท่ากับนักมวยเอเชียเหล่านี้ ในระยะเวลาสั้นๆ ในขณะนี้

ประเมินศักยภาพของนักมวยไทย กับชาติอื่นๆ จากการแข่งขันรายการนี้แล้ว ต้องยอมรับว่า ด้วยผลงานระดับมาตรฐาน และคุณภาพที่ห่างชั้นกันอย่างนี้แล้ว

นักมวยไทยจะมีโอกาสลุ้นเหรียญรางวัลในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ได้แค่ไหน และนักมวยไทยจะมีโอกาสลุ้นเข้ารอบสุดท้ายของกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ได้กี่คน

ฮวน ฟอนตาเนียล หัวหน้าโค้ช และบรรดาสต๊าฟโค้ชทีมชาติไทย จะมีคำตอบ จะมีคำอธิบายถึงผลงานของนักมวยไทยดังกล่าว อย่างไรบ้าง

ระยะเวลาที่เหลืออยู่อีก เพียง 4-5 เดือน สมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย จะแก้ไขปัญหาระดับผ่าทางตันให้กับนักมวยเสื้อกล้ามไทยได้มากน้อยแค่ไหน

อย่ามัวกังวลหรือคำนึงถึงผลงานระดับภูมิภาค อย่างกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ มากจนเกินไป

เพราะงานสำคัญอย่าง “โตเกียว 2020” เป็นเป้าหมาย เป็นความต้องการอันยิ่งใหญ่แท้จริงของคนไทยทั้งชาติมากกว่า…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image