“บิ๊กติ” นายสันติ ป่าหวาย อธิบดีกรมพลศึกษา เปิดเผยว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้กรมพลศึกษา ดำเนินโครงการสำคัญๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 หลายประการแต่ที่เน้นย้ำกำชับมาเป็นพิเศษมี 2 โครงการคือ 1.โครงการ “ลอยน้ำเป็นเล่นน้ำได้” กับ 2.โครงการสร้างอาสาสมัครกีฬาและผู้นำการออกกำลังกาย (อสก.) ซึ่งเรื่องแรก โครงการ “ลอยน้ำเป็นเล่นน้ำได้” นั้น กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ ร้องขอเข้ามาเพราะปัจจุบันมีตัวเลขที่น่าตกใจคือ เด็กไทยจมน้ำเสียชีวิตปีละ 908 คน โดยกรมพลศึกษาจะจัดครูฝึกว่ายน้ำไปเปิดอบรมฟรีให้กับเด็กเยาวชน 878 อำเภอ เจ้าหน้าที่พลศึกษา 954 คน ซึ่งเราจะทำเอ็มโอยูกับสถานบันการศึกษาภาครัฐ และเอกชน ในการขอใช้สระว่ายน้ำในการจัดอบรม กรมพลศึกษาวางเป้าหมายไว้ที่แต่ละอำเภอจะต้องมีผู้ร่วมอบรมอำเภอละ 100 คนขึ้นไป นอกจากนี้ในช่วงเดือนเมษายน 2563 กรมพลศึกษาจะจัดโครงการ “ร้อนนี้มีกีฬาเพื่อลูกรัก” ทั่วประเทศ ซึ่งปีหน้าจะพิเศษกว่าทุกปีโดยเราจะไม่จัดหลากหลายกีฬาเหมือนที่ผ่านมา แต่เราจะจัดแต่ว่ายน้ำเพื่อเป้าหมายให้เด็กไทยสามารถพยุงตัวเอาตัวรอดบนผิวน้ำให้ได้ โดยวางเป้าหมายใหญ่ไว้ว่า ปี 2563 เด็กไทยจะต้องสามารถว่ายน้ำหรือเอาตัวรอดในน้ำได้เพิ่มมากขึ้น 300,000 คนทั่วประเทศ
นายสันติ กล่าวต่อว่า โครงการที่สองที่ รมว.กีฬา พิพัฒน์ รัชกิจประการ เน้นย้ำและกำชับมาเป็นพิเศษคือ การสร้างอาสาสมัครกีฬาและผู้นำการออกกำลังกาย (อสก.) โดยกำหนดเป้าหมายอยู่ที่ 70,000 คนทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ ที่ผ่านมากรมพลศึกษา พยายามทำเรื่องนี้พยายามสร้าง อสก. ทุกหมู่บ้าน แต่เราทำไปได้ 10 กว่าเปอร์เซนต์หรือประมาณ 7,000 คน ส่วนที่เหลือเราจะเร่งเครื่องทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้นำออกกำลังกายซึ่งเป็นคนของหมู่บ้านนั้นๆ ไปขยายเครือข่ายชักชวนคนในพื้นที่ต่างๆ มาร่วมกิจกรรมนันทนาการและออกกำลังกาย ซึ่งคนที่จะคัดเลือก อสก. เสนอเข้ามาให้กรมพลศึกษาพิจารณาจัดอบรมและสนับสนุนนั้นเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เป็นผู้คัดเลือกเข้ามา จากนั้น อสก. จะไปตั้งชมรมนันทนาการและกีฬาต่างๆ ในพื้นที่เช่น รำวง, แข่งเรือยาว, เต้นแอโรบิก, ฟุตบอล ฯลฯ และกรมพลศึกษา จะอุดหนุนงบประมาณต่างๆ ลงไปยังชมรมโดยตรงเพื่อดำเนินกิจกรรมโดยมีเจ้าหน้าที่พลศึกษาของกรมพลศึกษา คอยเดินทางไปตรวจสอบและให้คำแนะนำ
